ทัวร์ญี่ปุ่น ฤดูใบไม้ผลิ | ทัวร์ชมซากุระ ที่ ฮาโกดาเตะ (ฮอกไกโด) 2025
เดินทาง 22 – 28 April 2025 : JAPAN SPRING 2024 | HOKKAIDO : SAKURA @HAKODATE IN APRIL | 7 DAY, 5 NIGHT
ราคา 94,900 บาท/ท่าน ( บิน TG )
ฮาโกดาเตะ : Red Brick Warehouse หรือ ท่าเรือและโกดังอิฐแดง, จุดชมวิวเมือง ฮาโกดาเตะ โดยการขึ้นกระเช้า Mt. Hakodate Ropeway, ตลาดเช้า เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market), หอคอยโกเรียวคาคุ (Goryokaku Tower), สวนโกเรียวคาคุ (Goryokaku Park)
โทยะ : ทะเลสาบโทยะ, ภูเขาไฟอุสุ, สวนหมีภูเขาไฟโชวะชินซัน
โอตารุ : ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal Area), พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี, ถนนซาไกมาจิ (Sakaimachi Street)
โจซังเค : เมืองแห่งน้ำพุร้อน (Jozankei Onsen), สะพานฟูตามิ, เส้นทางสายธรรมชาติเลียบแม่น้ำ (Futami Jozan Road)
อาซาฮิคาว่า : หมู่บ้านราเมง (ASAHIKAWA RAMEN VILLAGE)
บิเอะ : สระอะโออิเคะ(Aoiike) หรือ สระน้ำสีฟ้า(ฺBlue Pond)
ฟูราโน่ : Ningle Terrace (นิงเกิ้ลเทอเรส) เป็นหมู่บ้านงานฝีมือและทางเดินไม้ในป่าที่เหมือนกับศิลปะในเทพนิยาย
ซัปโปโร : เนินพระพุทธเจ้า (Hill of The Buddha), สวนมารุยามะ, ศาลเจ้าฮอกไกโด, ตลาดโจไก, โรงงานช็อกโกแลตฮอกไกโด (Shiroi koibito park), ตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office), หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower), ย่าน ทานุกิโคจิ
จุดเด่นของโปรแกรมนี้ คือ 12 ท่าน Confirm เดินทาง และ เดินทางเป็นกรุ๊ปเล็ก ไม่เกิน 16 ท่าน
*กระเช้าภูเขาฮาโกดาเตะ ชมวิวที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ระดับมิชลิน 3 ดาว
*เนินพระพุทธเจ้า (Hill of The Buddha)
*สัมผัส 1 ใน 6 ออนเซ็น สุดเอ็กซ์คลูซีฟของญี่ปุ่นที่ คุณไม่ควรพลาด! (The Lake View Toya Nonokaze Resort)
***พิเศษ Seafood Buffet @Seafood Buffet NANDA (King Crab, Snow Crab, Hair Crab, Japanese KUROGE Wagyu | 100 premiuam menus. All You Can Eat)***
(เมนูบัฟเฟ่ ระยะเวลา 90 นาที ชนิดของวัตถุดิบ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
***ที่พักโรงแรม ระดับ 5 ดาว เช่น KEIO PLAZA SAPPORO, SHIN FURANO PRINCE HOTEL, SHOGETSU GRAND HOTEL
*เดินทางพร้อมหัวหน้าทัวร์ที่เป็นช่างภาพ (หลังจบทริปทุกท่านจะได้รูปใน Google Cloud Photo Story เป็นรูปสวยๆในระหว่างทริปการเดินทาง โดยช่างภาพมืออาชีพ จากทีมงานทราเวิลโปร)
ไฮไลท์ทัวร์
JAPAN SPRING 2025 | HOKKAIDO : Sakura @Hakodate In April | 7 Day, 5 Night | TG
ฤดูใบไม้ผลิ
ทัวร์นี้เหมาะกับช่วงฤดูใบไม้ผลิ
14
มื้ออาหาร
4.6
ดาวที่พัก
TG
การเดินทาง
รายละเอียดทัวร์
เดินทาง 7 วัน 5 คืน
พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก ประตู 2 เคาน์เตอร์ A (หรือD) สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารและสัมภาระก่อนการขึ้นเครื่อง
ออกเดินทางสู่ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 670
เดินทางถึง ท่าอากาศยานนิวชิโตะเซะ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่า ประเทศไทย 2 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่น เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) ผ่านขั้นตอน
- ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง และ รับกระเป๋าสัมภาระตรวจเช็คความเรียบร้อย
- ผ่านศุลกากร (+++ประเทศญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้นำอาหารสด จำพวก เนื้อสัตว์ พืช ผัก ผลไม้ เข้าประเทศ หากฝ่าฝืนจะมีโทษจับและปรับ+++)
(ควรเตรียมเอกสาร และ รับ QR CODE ล่วงหน้าผ่าน VISIT JAPAN WEB) หรือ เอกสาร ตม. และ ศุลกากร
หลังตรวจเช็คสัมภาระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบไกด์ท้องถิ่น บริเวณจุดนัดพบของสนามบิน จากนั้นนำท่านเดินทางกลับไปยังเมือง โนโนริเบตสึ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อถึง โนโบริเบตสึ แล้วนำท่าน ไปยัง หุบเขานรก จิโกคุดานิ (Jigokudani / 地獄谷) ซึ่งบริเวณนี้ เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่มีไอน้ำพวยพุ่ง ตั้งอยู่ในหุบเขาใกล้ๆ แถบโนโบริเบทสึ ชื่อจิโกคุดานิ แปลว่า “หุบเขานรก” และสาเหตุหลักที่ทำให้ จิโกคุดานิ กลายเป็นที่รู้จักในแถบนี้ก็คงเป็นเพราะสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นในปี 1904 (พ.ศ. 2447) ซึ่งเหตุผลก็คือที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นรีสอร์ทสุขภาพสำหรับทหารที่บาดเจ็บเพื่อช่วยในการรักษาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ถัดมาในปี 1961 (พ.ศ. 2504) มีการจัดตั้งหมู่บ้านในบริเวณดังกล่าวขึ้น มีชื่อว่า โนโบริเบทสึ แต่ตัวจิโกคุดานิ หุบเขานรก ในพื้นที่นั้นยังคงชื่อเช่นเดิม
รับประทานอาหารกลางวัน (ร้านอาหารท้องถิ่น) (1)
หลังอาหารกลางวัน นำท่านเดินทาง มุ่งหน้าไปยัง เมือง ฮาโกะดาเตะ ซึ่งก่อนที่จะถึงตัวเมือง ฮาโกะดาเตะ เราจะแวะไปดู หงส์ขาว หรือ นกเป็ดน้ำ ที่หนีหนาว มาจากไซบีเรีย บริเวณ จุดชมนกที่ ทะเลสาบโอนูมะ (ใช้เวลาในการเดินทาง 2.30 ชั่วโมง สวนโอนุมะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นกึ่งอุทยานแห่งชาติในปี ค.ศ. 1958 มีพื้นที่ครอบคลุมทะเลสาบที่สวยงามดั่งภาพวาดทั้งโอนุมะ โคะนูมะ และจุงไซนูมะ รวมทั้งภูเขาโคมางะทาเกะที่งดงาม สวนโอนุมะมีสัตว์ป่ามากมาย ทัศนียภาพเขียวชอุ่ม และมีกิจกรรมหลากหลายให้ทำอยู่เสมอ เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้รักธรรมชาติ ในฤดูร้อนจะมีกิจกรรมตั้งแต่การปั่นจักรยาน พายเรือแคนู ขี่ม้า ตั้งแคมป์ และเดินป่าไฮกิ้ง และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ กิจกรรม ดูนกสายพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในสวนโอนุมะ
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางต่อไปยังตัวเมืองฮาโกะดาเตะ (ใช้เวลา เดินทางต่อ อีกประมาณ 45 นาที) มุ่งหน้าไปยัง Red Brick Warehouse หรือ ท่าเรือและโกดังอิฐแดง Red Brick Warehouse หรือ ท่าเรือและโกดังอิฐแดง : ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวตามแบบฉบับฮาโกดาเตะ โกดังอิฐซึ่งสร้างขึ้นในปี 1909 ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด โกดังทั้งเจ็ดหลังนี้มีร้านอาหารและร้านของที่ระลึกต่างๆ ตั้งอยู่ประมาณ 50 ร้าน “โกดังอิฐแดง Kanemori” อาคารประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานร้อยปีที่เมือง Hakodate เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในภูมิภาคฮอกไกโด โดยเมือง Hakodate นั้นได้รับการพัฒนาเป็นท่าเรือทางการค้ากับต่างประเทศในญี่ปุ่นเช่นเดียวกับเมือง Yokohama และ Nagasaki จึงส่งผลให้ที่นี่ได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมแบบตะวันตกเข้ามาด้วย ดังนั้นหากคุณได้มาที่นี่คุณจะพบว่าที่นี่มีตึกอาคารมากมายที่สร้างมาในแบบตะวันตก ในปี 1887 โกดังแห่งนี้ได้เกิดความเสียหายจากไฟไหม้แต่ก็ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ในปี 1988 และกลายเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ลานเบียร์ ฮอลล์สำหรับจัดงานต่างๆไปในที่สุด ที่นี่ยังคงมีกลิ่นอายของการทำอุตสาหกรรมทางเรือในสมัยก่อนหลงเหลืออยู่ และในปัจจุบันถือเป็นสัญลักษณ์ของอ่าวบริเวณ Hakodate ไปในที่สุด
18.00 น. (เวลาโดยประมาณ) นำท่านเดินทางไปยังจุดชมวิวเมือง ฮาโกดาเตะ โดยการขึ้นกระเช้า Mt. Hakodate Ropeway ขึ้นไปบนภูเขา ฮาโกดาเตะ เพื่อชมวิวตัวเมืองฮาโกดาเตะทั้งเมือง ภูเขาฮาโกดาเตะ(Mount Hakodate) ตั้งอยู่ในป่าทางตอนใต้ของปลายคาบสมุทรใกล้ใจกลางเมืองฮาโกดาเตะ นับเป็นจุดชมวิวติดอันดัน 1 ใน 3 สถานที่ที่ดีที่สุด ร่วมกับภูเขาอินาซะ(Mount Inasa) ที่นางาซากิ(Nagasaki) และภูเขารอคโค (Mount Rokko) ที่โกเบ (Kobe) โดยภูเขาแห่งนี้มีความสูง 334 เมตร ด้วยความนิยมของที่นี่นั่นเอง จึงทำให้บนยอดเขาที่เป็นจุดชมวิวนั้นจะมีร้านค้าหลากหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และร้านอาหารสไตล์โรงอาหารเปิด ไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
ได้เวลาสมควรนำท่านเข้าเช็คอินที่โรงแรม YUNOKAWA ONSEN UMI TOAKARI HEWITT RESORT
รับประทานอาหารค่ำ ที่ห้องอาหารของโรงแรม (2)
YUNOKAWA ONSEN UMI TOAKARI HEWITT RESORT หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม (3)
หลังอาหารเช้า นำทานไปยัง ตลาดเช้า เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market) หรือ ฮาโกดาเตะ อาสะอิจิ (ตลาดเช้า) Hakodate-Asaichi อยู่ตรงหัวมุมถนนใกล้กับสถานีฮาโกดาเตะ มีร้านค้ากว่า250ร้านคอยให้บริการของฝากกลับบ้าน ตลาดเช้าเริ่มเปิดขายแต่เช้าตรู่ตั้งแต่เวลาตีห้า (หกโมงเช้าหากเป็นฤดูหนาว) และปิดเวลาเที่ยง อาหารทะเล ผักผลไม้และขนมหวานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของของกินที่วางขายเท่านั้น เพลิดเพลินไปกับการซื้อของที่ตลาดและอย่าลืมแวะไปดูปูและหอยเป็นๆ ในตู้ขนาดยักษ์ นับเป็นตลาดยามเช้าที่มีผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาจับจ่ายซื้อของ ทั้งอาหารสดอาหารแห้ง ร้านขายของภายในตลาดจะเต็มไปด้วยร้านขายอาหารทะเลสด ไม่ว่าจะเป็น ปูคานิ กุ้งมังกร ไข่ปลาแซลมอน และหอยเม่นทะเล หรือจะเป็นผลไม้ต่างๆ ตามฤดูกาล ที่มีให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก ซึ่งที่ Hakodate Morning Market พ่อค้าแม่ค้าแต่ละร้าน ต่างก็จะงัดกลยุทธ์เด็ดมาเอาใจลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการลด แลก แจก แถม ชิมฟรี เรียกได้ว่า สร้างแรงดึงดูดความสนใจ ในการเรียกลูกค้าได้อย่างมากเลยทีเดียว และนอกจากนี้ตลาดของที่นี่ยังมีหลายโซนให้เลือกเดิน ไม่ว่าจะโซนอาหารทะเลที่ขายของสด โซนขาย ผัก ผลไม้ และโซนร้านอาหาร จึงทำให้ที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และ ที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่ต้องแวะมาหากเราได้เข้ามายังเมืองฮาโกดาเตะ
10.00 น. นำท่านไปยัง หอคอยโกเรียวคาคุ (Goryokaku Tower) หอคอยแห่งนี้สูง 107 เมตร และจุดชมวิวสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบสวนสาธารณะโกเรียวคาคุทั้งหมดได้ นอกจากจะเห็น ป้อมรูปดาวอันสวยงามแล้วยังสามารถเห็นภูเขาฮาโกดาเตะ ช่องแคบทสึการุ และเทือกเขาโยโคทสึอีกด้วย เวลาทำการของ หอคอยแห่งนี้ แบ่งออกเป็น 2 Season (ฤดูกาล) เริ่มที่ ช่วงฤดู ในไม้ผลิและฤดูร้อน 21 เมษายน – 20 ตุลาคม เปิด 8:00 น – ปิด 19:00 น. ส่วน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 21 ตุลาคม – 20 เมษายน เปิด 9:00 น. – ปิด 18:00 น. และมีค่าเข้า 900 เยน (ค่าโดยสารลิฟต์)
จากนั้น นำท่านเข้าชม สวนสาธารณะโกะเรียวคาคุ ซึ่ง สวนสาธารณะป้อมปราการโกะเรียวคาคุแห่งฮาโกดาเตะ หรือ 五稜郭公園 (โกะเรียวคาคุโคเอ็น / Goryokaku Park) ถูกสร้างขึ้นเป็นป้อมปราการแบบตะวันตกให้มีพื้นที่เป็นดาวห้าแฉก ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ ที่นี่เป็นที่รู้จักจากการเป็นสมรภูมิสุดท้ายในศึกฮาโกดาเตะ (การรบในสงครามโบชิน 戊辰戦争 ระหว่างปี 1868-1869) ซึ่งเป็นศึกที่ปิดม่านการปกครองระบบผู้ครองแคว้นของญี่ปุ่น และในช่วงปี 90 สวนแห่งนี้ได้เปิดเป็นสวนสาธารณะ มีการปลูกต้นซากุระหนึ่งพันต้น และผู้คนสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าเข้าชมแต่อย่างใด ฤดูการที่คนนิยมไปชมสวนสาธารณะโกะเรียวคาคุมากที่สุดสองฤดูกาลก็คือฤดูหนาว และช่วงดอกซากุระบาน ดอกซากุระโซะเมะโยชิโนะ (ソメイヨシノ) บานในช่วงสิ้นเดือนเมษายน หรือต้นเดือนพฤษภาคม ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้เข้ามาชมและพักใต้ต้นซากุระ และช่างภาพอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
SUSHI SET (4)
หลังอาหารเที่ยง นำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองโทยะ บริเวณทะเลสาบโทยะ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง)
15.30 น. โดยประมาณ เมื่อเดินทางถึงบริเวณ ทะเลสาบโทยะ นำท่านไปชมวิว ทะเลสาบโทยะ จากมุมสูง โดยการขึ้นกระเช้า ไปบนภูเขาไฟอุสุ (Usuzan Ropeway) ซึ่งห่างจากตัวโรงแรมของเรา เพียง 6.1 km หรือ นั่งรถไปไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้นเอง
ทะเลสาบโทยะ เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองโทยะ เเละเป็นอีกหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ เเละเป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักท่องเที่ยวที่ได้มาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง โดยมันเป็นทะเลสาบรูปวงกลมที่มีเส้นรอบวงยาวประมาณ 40 กิโลเมตร โดยเกิดจากการเป็นปากปล่องภูเขาไฟดั้งเดิม ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ชิโกสึ-โทยะ มีความลึกสูงสุด 180 เมตร มีความยาว 10 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตก และ 9 กิโลเมตรตามแนวแกนเหนือ-ใต้
ภูเขาไฟอุสุ (ห่างจากทะเลสาบโทยะ เพียง 2 km เท่านั้น ตัวภูเขาไฟมีความสูง 733 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และในรอบร้อยปีที่ผ่านมาเกิดการปะทุขึ้น 4 ครั้ง คือ ปี 1910, 1944-45, 1977 และ 2000 ซึ่งทำให้เถ้าถ่านจำนวนมากพุ่งออกมาเป็นระยะทางไกลทำลายอาคารต่างๆในพื้นที่บางสวนของเมืองโทยะโกะออนเซน และเนื่องจากมีการเฝ้าระวังติดตามและใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย ทำให้คาดการณ์การปะทุของภูเขาไฟได้ล่วงหน้า เพื่อให้ผู้คนอพยพออกจากเมืองได้ทัน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดประสบกาณณ์หลายๆอย่างที่หาไม่ได้ในไทย อีกทั้งยังมีความงดงามอย่างมากอีกด้วย
ภูเขาไฟอุสุ ยังเป็น อุทยานธรณีโลกจีโอพาร์คของยูเนสโก เป็นสถานที่เรียนรู้และสัมผัส เพื่อศึกษา “ผืนดินใหญ่ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง” ที่สำคัญและหาได้ยากในโลก นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งชื่นชมความสวยงามของทิวทัศน์ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของภูเขาไฟ
หลังจากนั้น นำท่านไปยัง Showa-Shinzan Bear Park สวนหมีภูเขาไฟโชวะชินซัน ตั้งอยู่ใกล้กับ สถานีกระเช้าภูเขาไฟอุสุ (Usuzan Ropeway) เป็นสถานที่เพาะพันธุ์หมีสีน้ำตาล นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมลูกหมีสีน้ำตาลได้อย่างใกล้ชิดผ่านกระจกใส และมีหมีโตเต็มวัยที่ไม่ดุร้ายโชว์ลีลาอ้อนขออาหารจากนักท่องเที่ยว เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูทีเดียว นอกจากนี้ยังยังขายขนมปัง และแอปเปิ้ล ให้นักท่องเที่ยวได้ป้อนอาหารหมีอีกด้วย
ได้เวลาสมควร นำท่านเข้าเช็คอินที่โรงแรม The Lake View Toya Nonokaze Resort
เดอะเลควิว โทยะ โนโนะคะเซะ รีสอร์ท (The Lake View Toya Nonokaze Resort) ได้รับการแนะนำว่า เป็น 1 ใน 6 ออนเซ็นสุดเอ็กซ์คลูซีฟของญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาด! เป็นออนเซ็นรีสอร์ทที่สามารถผ่อนคลายได้อย่างอิสระ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “CONVENIENCE & CHOICE SPA RESORT” สะดวกสบายและเลือกได้ตามใจชอบ ตอบสนองความต้องการของผู้มาเยือนไม่ว่าจะมาพักกับใคร ก็สามารถประทับใจกับห้องพักหรืออาหารรสเลิศได้ ห้องพักทุกห้องจะมองเห็นวิวของทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) ที่ชั้นบนสุดของรีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอนเซ็นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอนเซ็นกลางแจ้งแบบเปิดโล่ง “TENQOO” สามารถดื่มด่ำกับทิวทัศน์แบบพาโนรามาของทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) และภูเขาโยเท (Mount Yotei) ที่อยู่เบื้องหน้าได้อย่างเอ็กซ์คลูซีฟแบบสุด ๆ และยังให้ความรู้สึกราวกับกำลังแช่น้ำอยู่ในทะเลสาบ ในตอนกลางคืนสามารถแช่น้ำนอนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับสุดโรแมนติก และที่พิเศษสุด ๆ สำหรับใครที่อยากนอนแช่น้ำไปพร้อมกับชมดอกไม้ไฟอย่างใกล้ชิดแนะนำให้มาเข้าพักช่วงประมาณเดือนเมษายนถึงปลายเดือนตุลาคม จะมีการจุดดอกไม้ไฟในเวลา 20:45 น. ของทุกคืน เป็นเวลา 6 เดือน โดยจะมีการจุดครั้งละ 20 นาที และยังมีห้องอนเซ็นในร่มที่ชื่อว่า “EZOFUJI” ที่สามารถชมทัศนียภาพมุมกว้างของทะเลสาบและภูเขาได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้น้ำแร่ของอนเซ็นที่นี่ จะมีสีเหลืองทองเป็นเอกลักษณ์ มีส่วนผสมของโซเดียม แคลเซียม และคลอไรด์ ซึ่งมีประสิทธิภาพช่วยรักษาบาดแผล ผิวไหม้ หรืออาการเจ็บปวดได้
รับประทานอาหารเย็น ที่ห้องอาหารของโรงแรม (5)
19:30 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย (โรงแรมนี้ มี ออนเซน ที่มีวิวสวยงาม หันหน้าออกไปทางทะเลสาบ)
THE LAKE VIEW TOYA NONOKAZE RESORT หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม (6)
หลังอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่เมือง โอตารุ (ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมง)
10.00 น. โดยประมาณ เดินทางถึง คลองโอตารุ นำท่านเดินเล่นถ่ายรูปบริเวณ ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal Area) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ที่ถ้าไม่มาเหมือนมาไม่ถึงเมืองโอตารุ โดยริมคลองแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอตารุ ในอดีตเป็นท่าเรือที่คึกคักในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เรือลำใหญ่จะถ่ายสินค้าลงเรือลำเล็กและลำเลียงไปตามคลอง ต่อมาเมื่อมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยมากขึ้น ก็สามารถขนส่งสินค้าผ่านเรือลำใหญ่โดยตรง การใช้คลองเพื่อการลำเลียงสินค้าจึงลดน้อยลงจนหลงเหลือเพียงแค่ความทรงจำในอดีตเท่านั้น ต่อมาบริเวณคลองแห่งนี้ได้รับการบูรณะให้สวยงามขึ้นจนน่าเที่ยว น่าเดินเล่น แถมโกดังริมคลองก็เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า และร้านอาหาร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แต่สำหรับชาวเมืองโดยทั่วๆไป บริเวณนี้เป็นที่นิยมสำหรับการเดินเล่น และในวันสำคัญบางวันอย่างช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็อาจจะมีศิลปินมาโชว์ผลงานให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาได้ชม หรือมีกิจกรรมร่วมกัน
หลังจากนั้น นำท่านเดินต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องกล่องดนตรีมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ด้านหน้าของอาคารมีนาฬิกาของแวนคูเวอร์ตั้งอยู่ (นาฬิกาไอน้ำ) เมื่อก้าวเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ จะได้พบกับกล่องดนตรีมากมายกว่า 3,000 ชิ้น ตั้งโชว์เรียงราย และจำหน่ายให้แก่ผู้เข้าชม โดยกล่องดนตรีมีดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย เริ่มตั้งแต่ดีไซน์แบบเบสิคอย่างรูปสัตว์ต่างๆ ไปจนถึงดีไซน์สุดเก๋อย่างอาหาร ชูชิ นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมสามารถทำกล่องเพลงของตัวเองที่มีชิ้นเดียวบนโลก โดยเลือกเมโลดี้เพลง และกล่องเพลงได้
นำท่านเดินชมรอบๆบริเวณ ถนนซาไกมาจิ (Sakaimachi Street) ซึ่งนับเป็นถนนที่มีเสน่ห์และเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษ์ โดยนอกเหนือจาก พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีแล้ว อาคารใกล้กันก็จะเป็น โรงงานผลิตเครื่องแก้ว และบนถนนเส้นนี้จะเต็มไปด้วยร้านขายอาหาร ร้านขายของฝาก ร้านขายขนม โดยเฉพาะร้านสุดฮิต เช่นร้าน LeTAO (ร้านเลอเตา หรือ ร้านเลอตาโอะ) ก็มีสาขาอยู่บนถนนเส้นนี้ (ร้าน LeTAO บริเวณนี้ จะมีอยู่หลายสาขา) ขนมขึ้นชื่อได้แก่ ชีสเค้ก Double Fromage เป็นชีสเค้กแบบพิเศษ ใช้ชีสเค้กแบบสด (ไม่อบ) วางซ้อนลงไปบนชีสเค้กที่อบไว้แล้ว และขนมอื่นๆอีกกว่า 50 ชนิด
(บ่าย) รับประทานอาหารเที่ยง HOKKE YAKI SET (7)
หลังอาหารนำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองโจซังเค ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1.30 ชั่วโมง เมืองโจซังเค เป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อน หรือ เรามักจะเรียกเมืองนี้ว่า โจซังเค ออนเซ็น (Jozankei Onsen) ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติชิโกะซุ โทยะ ระหว่างหน้าผาสูงกับแม่น้ำโทโยฮิระ (Toyohira River) ได้รับความนิยมจากชาวซัปโปโรเนื่องจากเดินทางสะดวก ที่พักราคาไม่แพง อาหารอร่อยและล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ผลัดใบเปลี่ยนสีทองที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วง น้ำพุร้อนโจซังเค ถูกค้นพบเมื่อปี 1866 ภายในเมืองมีโรงแรมเรียวกังกว่า 12 แห่ง และมีที่พักที่มีออนเซ็นมากกว่า 20 แห่งด้วยกัน ร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆ กระจายตัวอยู่ทั่วเมืองเพื่อรองรับ นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียน ค่าอาบน้ำออนเซ็นจะอยู่ที่ 500 – 1,500 เยน และยังมีบ่อแช่เท้าฟรี ที่สามารถพบได้ทั่วเมือง และเมื่อถึง โจซังเคแล้ว นำท่านไปเดินชมบรรยากาศ และสูดอากาศบริสุทธิ์ บริเวณสะพานฟูตามิ และถึงแม้ว่า สะพานแห่งนี้ จะมีชื่อเสียงเรื่องการชมวิวในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่ในช่วงเวลาอื่นๆ เช่นหน้าหนาว หรือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิสะพานแห่งนี้ก็ยังคงสวยงาม ลักษณะของสะพานเป็นสะพานแขวนสีแดง ทอดยาวข้ามแม่น้ำโทโยฮิระ สามารถมองเห็น “หินฟุตามิอิวะ” (ซึ่งตั้งชื่อตามหินแต่งงานในเมืองอิเสะ จังหวัดมิเอะ) และ “กัปปะบุจิ” ที่มีตำนานของกัปปะ เมื่อข้ามสะพานไปจะเป็น Futami Jozan Road เส้นทางสายธรรมชาติเลียบแม่น้ำ (สำหรับในฤดูร้อน ที่นี่จะมีการจัดเทศกาล JOZANKEI NATURE LUMINARIE)
18:00 น. (โดยประมาณ) นำท่านเช็คอินที่โรงแรม
รับประทานอาหารเย็นที่ ห้องอาหารของโรงแรม (8)
SHOGETSU GRAND HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม (9)
หลังอาหารเช้า เดินทางไปยัง Shrine design photo gallery (頭大仏御廟) หรือ ที่เรารู้จักกันในนาม “เนินพระพุทธเจ้า” หรือ Hill of The Buddha (ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 30 นาที) ที่นี่มี องค์ไดบุสึ (พระใหญ่) ที่ซ่อนองค์อยู่ใต้เนินดอกลาเวนเดอร์ ดอกไม้ที่หมายถึงความสงบ ความบริสุทธิ์ และยังเชื่อกันว่ามีความหมายลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ตั้งอยู่ที่สุสาน Makomanai Takino Reien (真駒内滝野霊園) เมืองซัปโปโร ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น จุดประสงค์หลักของการออกแบบที่นี่ คือการสร้างสถานสักการะขึ้นใหม่โดยการปรับพื้นที่แวดล้อมให้กับพระพุทธรูปองค์ใหญ่เก่าแก่ที่มีชื่อว่า Atama Daibutsu ซึ่งมีความสูง 15 เมตร และมีน้ำหนักมากถึง 1,500 ตัน ถูกออกแบบโดย ทาดาโอะ อันโดะ(Tadao Ando) สถาปนิกชาวญี่ปุ่นเจ้าของรางวัลพริตซ์เกอร์ที่ถือว่าที่สุดรางวัลของสถาปนิก
วัตถุประสงค์ในการออกแบบผลงานชิ้นนี้คือ สร้างขึ้นเพื่อให้เห็นถึงอีกแง่มุมหนึ่งของพระพุทธศาสนา โดยให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมพระพุทธศาสนาได้ท่ามกลางความเงียบสงบอย่างแท้จริง และอีกจุดหนึ่งที่พลาดไม่ได้นั่นคือการเดินลอดไปตามอุโมงค์ที่มาความยาว 40 เมตร ที่เมื่อเดินไปจนถึงจุดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่อยู่บริเวณปลายทางของอุโมงค์แล้วมองย้อนขึ้นไป จะมองเห็นเหมือนมีแสงสะท้อนอยู่รอบๆองค์พระพุทธรูปเปรียบเสมือนรัศมีแสงแห่งฟ้า ซึ่งไม่สามารถมองได้จากทางด้านนอก ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทางสถาปนิกตั้งใจออกแบบเพื่อให้ทุกๆส่วนมีความพิเศษไม่แพ้กัน นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Unseen Hokkaido สถานที่ที่มีความมหัศจรรย์และคุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับการมาเยือน
ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่ เมือง อาซาฮิคาว่า (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แวะตัว หมู่บ้านราเมง (ASAHIKAWA RAMEN VILLAGE) หมู่บ้านราเมงอาซาฮิคาว่า ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1996 โดยรวบรวมร้านราเมงชื่อดังของเมืองอาซาฮิคาว่าทั้ง 8 ร้านมาอยู่รวมกันเป็นอาคารหลังคาเดียว เสมือนหมู่บ้านราเมงที่รวบรวมร้านดังขั้นเทพไว้ในที่เดียว และยังมีห้องเล็กๆที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านแห่งนี้ให้สำหรับผู้ที่สนใจได้มาศึกษาอีกด้วย
อาหารเที่ยงที่ (ASAHIKAWA RAMEN VILLAGE) (10)
หลังอาหารเที่ยง (บ่าย) นำท่านเดินทางต่อไปยังเมือง บิเอะ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง นำท่านชม สระอะโออิเคะ(Aoiike) หรือ สระน้ำสีฟ้า(ฺBlue Pond) ความงดงามของธรรมชาติแห่งเมืองบิเอะ บนเกาะฮอกไกโด เป็นบ่อนํ้าที่ความสวยและเงียบสงบ โดยจะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ซึ่งสวยงามแตกต่างกันไป ทั้งสีเขียวมรกต สีน้ำเงิน และช่วงที่สวยที่สุดจะเป็นช่วงฤดูหนาว น้ำในบ่อจะเป็นสีฟ้า ต้นไม้และตอไม้สูงใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่จะถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ทำให้ทิวทัศน์บริเวณบ่อน้ำสวยงามและโรแมนติกมากขึ้น เดิมทีบ่อนํ้าแห่งนี้ เป็นแอ่งนํ้าขนาดใหญ่ เกิดขึ้นมาจากการกั้นเขื่อน เพื่อป้องกันไม่ให้โคลนภูเขาไฟ Tokachi ที่ปะทุไหลเข้าสู่เมือง และยังตรวจสอบพบแร่ธาตุอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ในน้ำ ซึ่งอาจมีส่วนทำให้น้ำเป็นสีฟ้าสวยงาม
15:00 น. โดยประมาณ นำท่านเดินทางต่อไปยัง Ningle Terrace (นิงเกิ้ลเทอเรส) เป็นหมู่บ้านงานฝีมือและทางเดินไม้ในป่าที่เหมือนกับศิลปะในเทพนิยาย (ระยะทาง 38.5 km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที)
16.00 น. นำท่านไปยัง Ningle Terrace (นิงเกิ้ลเทอเรส) ซึ่งประกอบด้วยร้านค้า 15 ร้าน (บ้าน 15 หลัง) ที่จำหน่ายสินค้าแบบออริจินัลของท้องถิ่น โดยมีร้านกาแฟ Chu Chu no Ie (チュチュの家) ตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้าน Location ของที่นี่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆโรงแรมปริ๊นซ์ฟุราโนะ ลักษณะคล้ายกำลังเดินเข้าไปในสวน ภายในป่าที่ถูกออกแบบมาให้ดูโรแมนติก จากทางเดินไม้ที่ประดับไฟ และ ร้านค้าต่างๆที่ประดับไฟไว้อย่างต่อเนื่องตลอดทาง อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปและ ลองเดินเข้าไปชมสินค้าในร้านต่างๆ หรือ สั่งกาแฟมานั่งดื่มชมบรรยากาศ ช่วงใกล้มืด
18:00 น. นำท่านเข้า เช็คอิน ที่ โรงแรม Shin Furano Prince
รับประทาน อาหารค่ำที่ ห้องอาหารของโรงแรม (11)
SHIN FURANO PRINCE HOTEL หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารของโรงแรม (12)
หลังอาหาร นำท่านเดินทางกลับไปยัง ซัปโปโร ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมง 10.30 น (โดยประมาณ) นำท่านไปยัง สวนมารุยามะ และ ศาลเจ้าฮอกไกโด โดยที่ ทั้งศาลเจ้าฮอกไกโด ทุ่งมารุยามะ และสนามเบสบอลซะคะชิตะต่างก็ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะมารุยามะ เป็นบริเวณเดียวกัน ที่นี่เป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การเดินเล่นและทำบาร์บีคิว ในช่วงฤดูดอกซากุระบาน ซึ่งในช่วงที่ เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ รอบศาลเจ้าฮอกไกโด ถึงว่าเป็นเส้นทางชมซากุระที่สุดคลาสสิค อีกเส้นทางนึง ของ ฮอกไกโด
หลังจากนั้น นำท่าน ไปยังตลาดโจไก (12.30 น โดยประมาณ) ที่ตลาดแห่งนี้ มีเรียงรายกว่า 60 ร้าน และถือเป็นตลาดกลางค้าส่ง เพื่อกระจายสินค้าไปยังตลาดอื่นๆ ในฮฮกไกโด มีวัตถุดิบสดใหม่คัดสรรมาอย่างดีให้เลือกหาตั้งแต่ 6 โมงเช้า นอกจากนี้ ยังพรั่งพร้อมไปด้วยร้านอาหารทั้งร้านซูชิและร้านอาหารชุดที่ใช้วัตถุดิบจากตลาด ได้ลิ้มรสอาหารของฤดูกาลนั้นๆ ในราคาย่อมเยาว์ ทันทีที่การประมูลที่ตลาดจบลง สินค้าจะถูกนำมาเรียงวางขายทันที ดังนั้น เพื่อที่จะให้ได้วัตถุดิบที่หมายตาไว้แน่ๆ จึงต้องรีบมาที่ตลาดตั้งแต่เช้าตรู่ แนะนำให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการจับจ่ายซื้อของในตอนเช้าแล้วมาทานอาหารกลางวันที่ตลาดก่อนกลับ
รับประทานอาหารกลางวัน (อิสระอาหารกลางวัน ณ.ตลาดโจไก)
บ่าย นำท่านเข้าสู่ Shiroi koibito park หรือที่เรามักจะเรียกว่า โรงงานช็อกโกแลตฮอกไกโด ซึ่งเป็นธีมปาร์คที่มาในรูปแบบ สวนสนุกช็อกโกแลต เดิมชื่อว่า Ishiya chocolate factory ตามชื่อบริษัท แต่เปลี่ยนมาเป็น Shiroi koibito park ตามผลิตภัณฑ์สุดฮิต สำหรับ คำว่า Shiroi (ออกเสียงว่า ชิโร่ย) ซึ่งแปลว่าสีขาว ส่วนคำว่า Koibito (ออกเสียงว่า โคอิบิโตะ “恋人”) ซึ่งความหมายก็คือ คนรัก
คุกกี้ Shiroi Koibito เป็นคุกกี้ที่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากคุกกี้ทั่วไปคือ เป็นคุกกี้ที่สอดไส้ไวท์ช็อคโกแลตกับขนมปังอบกรอบของฝรั่งเศสที่มีรอยไหม้สีน้ำตาลอ่อนๆที่เรียกว่า “Langue de chat” ขนมปังอบกรอบนี้มีลักษณะพิเศษคือให้รสชาติอ่อน ๆ ละลายในปาก เพราะในการทำนั้นได้ใช้เนยและนวดเคล้าในอุณหภูมิห้อง ผสมกับน้ำตาลในปริมาณที่เท่ากัน เติมด้วยแป้งสาลี ไข่ขาว เพื่อทำเป็นเนื้อคุ๊กกี้ และอบในเตาอบ โดยที่มีลักษณะเป็นแท่งบาง ๆ เรียวยาว จึงมีรสชาติที่กรอบและอร่อย และเนื่องจาก ที่โรงงานช็อกโกแลต แห่งนี้ เป็น Theme Park ที่เกี่ยวกับช็อกโกแลต ดังนั้นจึงมี หลายโซนในการเที่ยวชม หรือ สามารถเข้าร่วมกิจกรรม ทำ Work Shop ได้ (ราคา สินค้า หรือ การเข้าร่วมกิจกรรม ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์) ยกตัวอย่าง โซนต่างๆ และสิ่งน่าสนใจ
- CHOCOTOPIA HOUSE : ค้นหาความลับของช็อกโกแลตผ่านการฉายภาพเสมือนจริงล้ำๆ เป็นเวลาประมาณ 30 นาที ย้อนเวลาไปชมการปฏิวัติครั้งใหญ่ทั้ง 4 ของประวัติศาสตร์ช็อกโกแลต ได้ความรู้แบบสนุกสนาน
- CHOCOTOPIA FACTORY : ไขความลับคุกกี้ยอดฮิต! ทัวร์โรงงานชมการผลิตชิโรอิโคอิบิโตะและบามคูเฮน เห็นไลน์การผลิตตั้งแต่ทำส่วนผสม อบจนกรอบและหอมฉุย ประกบไส้ร้อนๆ ไปจนถึงจัดลงแพ็คเกจ ออกมาเป็นกล่องที่เราคุ้นตากัน
- Rose Garden : สวนสไตล์อังกฤษ ในฤดูร้อนดอกกุหลาบกว่า 200 ชนิดจะพร้อมใจกันผลิบานอย่างสวยงามราวกับฉากในนิทาน รวมถึงยังมีดอกไม้ตามฤดูกาลบานสะพรั่งเต็มสวน สายถ่ายรูปหวานๆ ต้องไม่พลาด
- Sweets WorkShop・Dream Kitchen (สวีท เวิร์กช็อป・ดรีม คิทเช่น) : นอกจากสามารถสัมผัสประสบการณ์การทำขนมคุ้กกี้แล้วยังเพลิดเพลินกับการทำช็อคโกแลตด้วยเวลาสั้นๆ โดยใช้สูตรเดียวกันกับ คุกกี้ Shiroi koibito เป็นบทเรียน โดยใน WorkShop จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และราคาต่อท่าน 1500/เยน
จากนั้นเดินทางเข้าสู่ตัวซัปโปโร แวะผ่านชม ตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office) เป็นอาคารสีแดงอิฐหลังใหญ่ อาคารนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1888 โดยใช้อิฐมากกว่า 2.5 ล้านก้อน นับเป็นหนึ่งในอาคารขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศญี่ปุ่นสมัยนั้น อาคารนี้เคยใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นสมัยบุกเบิกเกาะฮอกไกโด ปัจจุบันที่ทำการหน่วยงานรัฐบาลได้ย้ายไปอยู่อาคารทันสมัยทางด้านหลัง สัญลักษณ์ที่เห็นได้ชัดของที่นี่ คืออาคารขนาดใหญ่สีอิฐ มีสัญลักษณ์ดาวแดงห้าแฉกและธงรูปดาวเจ็ดแฉกบนพื้นธงสีน้ำเงิน (คล้ายเกร็ดหิมะ) ประดับอยู่ ทางด้านหน้าของตัวอาคารเป็นสวนร่มรื่น มีทั้งต้นซากุระและต้นแปะก๊วย
จากนั้น นำท่านแวะชมด้านนอก หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower) ตัวอาคารของหอนาฬิกาสร้างขึ้นต้นสมัยพัฒนาซัปโปโร ในปี 1878 ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของวิทยาลัยเกษตรซัปโปโร ตัวเรือนนาฬิกาซื้อมาจากกรุงบอสตัน โดยปัจจุบันนั้นหอนาฬิกาแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงจนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้ามาชมกัน ภายในนั้นมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสิ่งก่อสร้าง โดยแบ่งออกเป็น 2 ชั้นด้วยกัน ในส่วนของชั้นที่ 1 จะเน้นการจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราว เกร็ดความรู้ และประวัติศาสตร์ของเมืองซัปโปโร และในส่วนที่ชั้น 2 จะจัดแสดงเกี่ยวกับนาฬิกา และยังมีส่วนห้องโถงสำหรับทำพิธีการต่างๆที่กว้างขวาง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่ามาแวะเป็นจุดแรกก่อนไปเที่ยวในส่วนอื่นๆของซัปโปโร
จากนั้นนำท่าน ไปยัง ย่าน ทานุกิโคจิ เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินใจในการเลือกซื้อของฝาก หรือ ช้อปปิ้งสินค้าต่างๆ โดยย่านร้านค้าทานูกิ โคจิ Tanuki Kochi Shopping Street, เป็นถนนที่มีบรรยากาศที่ครึกครื้นตลอดทั้งวัน ถนนทานูกิ โคจิแห่งนี้ความยาวประมาณ 900 เมตร เป็นที่ตั้งของร้านค้าที่มีความหลากหลายกว่า 200 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ร้านค้าเครื่องประดับ ร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านค้าสินค้ามือสอง ร้านค้าของฝาก และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือร้านคาเฟ่และร้านอาหาร สิ่งสำคัญที่ทำให้ย่านร้านค้าทานูกิ โคจิเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวนั่นก็คือร้านค้าหลายร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ไม่ก็สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ ทำให้นักช้อปทั้งหลายได้ซื้อสินค้าในราคาที่คุ้มค่าที่สุดนั่นเอง นอกจากกิจกรรมช้อปปิ้งแล้ว ย่านร้านค้าทานูกิ โคจิแห่งนี้ก็ยังมีสถานที่ให้ความบันเทิงอย่างศูนย์รวมเครื่องเกมไทโตะ (Taito game center) เกมเซนเตอร์ที่รวบรวมเอาเครื่องเกมมากมายเอาไว้ในที่เดียว หากเดินช้อปปิ้งจนเหนื่อยล้า ก็สามารถมาแวะพักเติมความสนุกสนานกันได้ที่เกมเซนเตอร์แห่งนี้ และที่นี่มี ห้างดงกิ ฮงเต้สาขาใหญ่หรือที่เรียกกันว่า เมก้า ดงกิ ฮงเต้ตั้งอยู่ด้วย ดังนั้นไม่ว่าคุณต้องการอะไร แค่มาที่นี่ถนนนี้ รับรองว่าคุณจะได้เจอกับของที่ถูกใจและมีราคาที่โดนใจอย่างแน่นอน จะเป็นสินค้าสำหรับ Winter Collection หรือ สินค้าพวก Off Season ที่นำมาลดกระหน่ำในบางช่วงก็มีเห็นบ่อยๆ
นำท่านรับประทาน อาหาร ที่ร้าน NANDA ลักษณะเป็น Buffe ปู 3 อย่าง (คอร์ส 10,000 เยน) (13)
หลังอาหาร นำท่านเข้าเช็คอินที่ โรงแรม KEIO PLAZA SAPPORO (หรือ Mercure Sapporo)
KEIO PLAZA SAPPORO หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (14) ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนิวชิโตะเซะ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ
8:00 น. เดินทางถึงสนามบินชิโตเซะ
10.30 น. เหินฟ้าสู่ เมืองไทย โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 671
15.30 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ ด้วยความประทับใจ
มื้ออาหาร
มื้อเช้า
มื้อกลางวัน
มื้อเย็น
วันที่ 1
วันที่ 2
วันที่ 3
วันที่ 4
วันที่ 5
วันที่ 6
วันที่ 7
โรงแรมและที่พัก
วันที่
โรงแรมและที่พัก
ระดับหรือเทียบเท่า
1
–
–
2
3
4
5
6
7
–
–
กรุณา กรอกข้อมูลการจอง
Thank you for reading this post. Don't forget to follow! | express opinions or suggestions