ทัวร์ญี่ปุ่น ใบไม้เปลี่ยนสี 2024 (ตามรอยใบไม้เแดง) จาก โตเกียว – โอซาก้า
เดินทาง 19 – 26 NOV 2024 : ชมความงามของ #ใบไม้เปลี่ยนสี จาก โตเกียว ถึง โอซาก้า | AUTUMN LEAVES AND SHIKIZAKURA 2024 : 8 วัน 6 คืน
- ราคา 109,900 บาท/ท่าน
โตเกียว : วัดอาซากุสะ, ถนนแปะก๊วย อิโชนามิกิ (Jingu Gaien Ginkgo Avenue), SHIBUYA SCAMBLE SQUARE/ SHIBUYA SKY, ช้อปปิ้งชิจูกุ
คามาคุระ : องค์พระใหญ่แห่งคามาคุระ (Great Buddha of Kamakura)
ยามานาชิ : ทะเลสาบคาวาคูจิโกะ, อุโมงค์เมเปิ้ล (Momiji Kairo Kawaguchiko)
นาโกย่า : อุทยานโครังเค และชมใบไม้เปลี่ยนสีที่หุบเขาโครังเค, ชิกิซากุระ (Obara Fureai Park และ Senmi Shikizakura no Sato – Four Seasons Cherry Blossoms)
มิเอะ : นาบานะโนะซาโตะ (なばなの里) NabanaNoSato, ชมไม้ประดับและอุโมงค์ไฟประดับ (The Tunnel of Light Illumination)
เกียวโต(1) : อาราชิยาม่า, สะพานโทเง็ทสึเคียว, วัดเท็นริวจิ, ป่าไผ่, วัดชินเนียวโด, วัดคินคาคุจิ
เกียวโต(2) : วัดโทฟุคุจิ, วัดคิโยมิสึ, ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
โอซาก้า : ช้อปปิ้งย่านชินไซบาชิ
จุดเด่นของโปรแกรมนี้ คือ 12 ท่าน Confirm เดินทาง และ เดินทางเป็นกรุ๊ปเล็ก ไม่เกิน 20 ท่าน
*เที่ยวใบไม้แดงได้จุใจ เจาะลึก เกียวโต 2 วัน โดยในเกียวโตเราจะได้ไป Spot ใบใม้แดง ที่ถือว่ามีชื่อเสียงและพีคที่สุด คือ อาราชิยาม่า โทฟุคุจิ และ ชินเนียวโด
*สำหรับที่เมืองโตโยต้า (นาโกย่า) เราได้เข้าไปที่ โครังเค ซึ่งถือเป็น Spot ใบไม้แดงที่น้อยคนนักจะได้ไปเที่ยวครบทั้ง 4 ที่ภายในทริปเดียว เรียกว่า คุ้มค่ามากๆ
*ที่มิเอะ ได้ไปชมอุโมงค์ไฟ Light Illumination
*ที่โตเกียว แวะชมวิวที่จุดชมวิวชิบูย่าสกายเป็นประสบการณ์พิเศษที่จะนําคุณไปสู่จุดที่สูงสุดใจกลางโตเกียว จุดชมวิวนี้ตั้งอยู่ในอาคาร Shibuya Scramble Square คุณสามารถชมวิวเมืองแบบพาโนรามาได้จากที่นี่
*หลังจบทริปทุกท่านจะได้รูปใน Google Cloud Photo Story เป็นรูปสวยๆในระหว่างทริปการเดินทาง โดยช่างภาพมืออาชีพ จากทีมงานทราเวิลโปร
*20+ สถานที่เที่ยวไฮไลท์, อาหาร 16 มื้อ, พักโรงแรม 4 ดาว และ 5 ดาว | นอนในที่ญี่ปุ่น 6 คืน และ โรงแรม 2 คืน มีออนเซน
รายการทัวร์ ใบไม่้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ที่น่าสนใจ Click
ไฮไลท์ทัวร์
JAPAN AUTUMN 2024 | ทัวร์ญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี 8 วัน 6 คืน | ตามรอยใบไม้แดง จาก โตเกียว ถึง โอซาก้า | บิน TG
ฤดูใบไม้ร่วง
ทัวร์นี้เหมาะกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง
16
มื้ออาหาร
4.2
ดาวที่พัก
Thai Airways (TG)
การเดินทาง
Photo By TravelPro Team.
Photo By TravelPro Team.
Photo By TravelPro Team.
Photo By TravelPro Team.
Photo By TravelPro Team.
Photo By TravelProTeam.
Photo By TravelPro Team.
Photo By TravelPro Team.
รายละเอียดทัวร์
เดินทาง 8 วัน 6 คืน
พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก ประตู 3 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารและสัมภาระก่อนการขึ้นเครื่อง
ออกเดินทางสู่ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 642
เดินทางถึงสนามบินนาริตะ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) หลังจากผ่านขั้นตอนศุลกากรเรียบร้อบแล้ว นำท่านขึ้นรถโค้ช
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ใจกลาง กรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น โตเกียว ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต ทางทิศตะวันออกของประเทศ ชื่อ “โตเกียว” มีความหมายว่า “นครหลวงตะวันออก” แต่ในอดีต เมืองนี้เคยเป็นหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “เอโดะ” จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1603 เมื่อโชกุนโทกุงาวะ อิเอะยะสึ ได้ขึ้นเป็นผู้นำ ทรงเลือกเอโดะเป็นศูนย์กลางการปกครองรัฐบาลทหารของท่าน ทำให้เอโดะกลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญระดับประเทศ นับแต่นั้นเป็นต้นมา เอโดะค่อย ๆ เจริญเติบโตจนกลายเป็นเมืองที่เรารู้จักในชื่อ “โตเกียว” ในปัจจุบัน โตเกียวมีการปกครองในรูปแบบพิเศษที่รวมการปกครองทั้งในลักษณะจังหวัดและเมืองเอาไว้ด้วยกัน จึงกลายเป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์อย่างสูง อีกทั้งยังเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อคุณเดินทางสู่กรุงโตเกียว จะได้สัมผัสกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัย โตเกียวไม่ได้มีเพียงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อย่างวัดอาซากุสะ ย่านช็อปปิ้งชิบูย่า หรือหอคอยโตเกียว แต่ยังเต็มไปด้วยความงดงามของศิลปะ สถาปัตยกรรม และอาหารท้องถิ่นที่มีรสชาติอร่อยถูกปากคนไทย และนักท่องเที่ยวทั่วโลก
จากนั้นนำทุกท่านสัมผัสความงดงามและมนต์เสน่ห์ของ วัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ใจกลางกรุงโตเกียว ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่แห่งการสักการะบูชาที่สำคัญของชาวญี่ปุ่น แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือน วัดอาซากุสะมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,000 ปี ในอดีตเคยเป็นที่ที่เหล่าโชกุนและซามูไรเดินทางมาขอพรจาก เทพเจ้าคันนอน ด้วยความศรัทธาแรงกล้า ซึ่งเชื่อกันว่าพรที่ขอจากเทพคันนอนมักจะสัมฤทธิ์ผล ทำให้ซามูไรและโชกุนในสมัยนั้นต่างมีความเลื่อมใสและศรัทธาในวัดแห่งนี้อย่างมาก
สิ่งที่ดึงดูดสายตาผู้มาเยือนทุกคนคงหนีไม่พ้น โคมไฟสีแดงขนาดยักษ์ สูงถึง 4.5 เมตร ที่แขวนเด่นอยู่บริเวณประตูคามินาริมง (ประตูสายฟ้าฟาด) สัญลักษณ์ของวัดที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จักทั่วโลก ทั้งสองข้างของโคมไฟยังมีรูปปั้นของเทพเจ้าผู้ปกปักรักษาประตู คือ ฟูจิน (Fujin) เทพแห่งสายลม และ ไรจิน (Raijin) เทพแห่งสายฟ้า เสริมให้บรรยากาศดูขลังและน่าเคารพยิ่งขึ้น หลังจากเดินผ่านประตูคามินาริมงแล้ว อย่าลืมแวะชมและช้อปปิ้งที่ ถนนนากามิเสะ ถนนสายสำคัญที่เต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจ ตุ๊กตาแมวกวัก ดาบซามูไร ชุดกิโมโน ร่มญี่ปุ่น และสินค้ายอดฮิตที่พลาดไม่ได้คือ ขนมอาเกมันจู ขนมขึ้นชื่อของวัดอาซากุสะที่ต้องลิ้มลองสักครั้ง การมาเยือนวัดอาซากุสะไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสกับความสงบและศิลปะที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังได้บรรยากาศแห่งความร่วมสมัย ความคึกคักของนักท่องเที่ยว วัดนี้จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่จะต้องมีในแผนการท่องเที่ยวโตเกียว
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (1)
จากนั้นนำทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษกับการชมวิวที่ SHIBUYA SKY จุดชมวิวลอยฟ้าสุดล้ำสมัยในอาคาร SHIBUYA SCRAMBLE SQUARE หนึ่งในแลนด์มาร์กที่เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของกรุงโตเกียว ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวที่สวยงามแบบ 360 องศา SHIBUYA SKY ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคาร SHIBUYA SCRAMBLE SQUARE ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในย่านชิบูย่า ให้คุณได้ชมวิวแบบพาโนรามาจากจุดที่สูงถึง 230 เมตรเหนือระดับพื้นดิน
นอกจากทิวทัศน์อันน่าทึ่งแล้ว SHIBUYA SKY ยังมีโซนพักผ่อนและโซนจัดแสดงที่นำเสนอประสบการณ์การชมวิวแบบอินเตอร์แอคทีฟ หรือเดินสำรวจโซนจัดแสดงศิลปะดิจิทัลที่ผสมผสานเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยเพื่อให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศแห่งความล้ำยุคของโตเกียว ไม่ว่าคุณจะมาเพื่อชมวิวในยามกลางวันหรือสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืน SHIBUYA SKY คือสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด
จากนั้น อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ ชินจูกุ (Shinjuku) ย่านที่มีความหมายว่า “ที่พำนักใหม่” ปัจจุบัน ชินจูกุถือเป็นหัวใจสำคัญของการช้อปปิ้งที่รวมเอาความหลากหลายและความทันสมัยไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าและร้านค้านับพันแห่ง ที่มีสินค้าให้เลือกมากมาย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าล้ำสมัย, กล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ล่าสุด,Mobile Phone, Notebook, Gadget, เสื้อผ้าแฟชั่น, รองเท้า และเครื่องสำอางค์แบรนด์ดัง ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาเดินเลือกซื้อสินค้าตลอดทั้งวัน และยังเป็นจุดนัดพบยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นอีกด้วย ชินจูกุจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง
อิสระอาหารค่ำที่ย่านชินจูกุ
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก KIO PLAZA HOTEL หรือ Shinjuku Prince Hotel หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (2)
หลังอาหารเช้านำท่านสู่ ถนนสายแปะก๊วย ถนนอิโชนามิกิ (Jingu Gaien Icho Namiki / Namiki Avenue) ตั้งอยู่ในย่านเมจิจิงกุ (Meji Jingu Gaien Nikoniko Park) ที่ทั้งสองฝั่งของถนนปลูกต้นแปะก๊วยอยู่เรียงราย จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าถนนสายแปะก๊วย
ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนธันวาคม ต้นแปะก๊วยทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองน่าดู ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาชมความงามของต้นแปะก๊วยยังถนนแห่งนี้ บ้างก็มาเพื่อวาดภาพ บ้างมาเดินเล่น บ้างก็มาจิบกาแฟในร้านกาแฟริมถนน หรือมาวิ่ง มาปั่นจักรยาน รอบสวน เป็นต้น ถนนสายแปะก๊วยนี้ จะอยู่ใกล้ สถานีรถไฟใต้ดิน Aoyama-Itchome Station ช่วงที่ใบแปะก๊วยเปลี่ยนสี จะอยู่ที่ ช่วงปลายพฤศจิกายน ถึง ต้นๆ ธันวาคม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคามาคุระ
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (3)
เดินทางถึง เมือง คามาคุระ นำทุกท่านเข้าชม พระใหญ่แห่งเมืองคามาคุระ (Kamakura Daibutsu) คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันในนาม Daibutsu ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่า “พระพุทธองค์ใหญ่” แต่น้อยคนที่ทราบว่าชื่อจริงของ Daibutsu ที่ Kamakura องค์นี้คือ พระอมิตตาพุทธ นิโอยุราอิ (Amida Nyoyurai) ตั้งอยู่ภายใน วัดโคโตกุอิน (Kotoku-in Temple) องค์ที่เห็นในปัจจุบันสร้างจากสำริด เสร็จเมื่อปี พ.ศ.1795 ความสูงรวมฐานอยู่ที่ 13.35 เมตร เฉพาะตัวองค์พระนั้นสูง 11 เมตร น้ำหนักราว 122 ตัน ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง เนื่องจากในอดีตวิหารเดิมเคยถูกทำลายโดยคลื่นสึนามิ (Tsunami) สูญหายหมดเหลือแต่องค์พระ ส่วนองค์พระที่มองเห็นเป็นสีเขียวนั้น เกิดจากการที่สำริดทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับสภาพอากาศทั้งฝนและหิมะมายาวนานจนกลายเป็นสีเขียว
จากนั้น นำท่านเดินทางต่อไปยังจังหวัดยามานาชิ เมืองที่ทุกท่านคงจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี ก็คือ เมืองฟูจิคาวาคูจิโกะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ และ ทะเลสาบคาวาคูจิโกะ นำท่านไปยัง อุโมงค์เมเปิ้ล หรือ เมเปิ้ล คอริดอร์ (Maple Corridor) นอกจากการเดินชมทิวทัศน์แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพสวยๆ จากมุมต่างๆ ที่ทำให้ได้ภาพความงามที่สมบูรณ์แบบของทั้งใบไม้และวิวของภูเขาไฟฟูจิไปพร้อมกัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ใช้เวลาเดินทางจากคามาคูระ มาที่นี่ประมาณ 2hr)
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก (4)
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก FUJI MATZUSONO หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (5)
หลังจากนั้น เดินทางไปยัง จุดชมวิวริมทะเลสาบคาวาคูจิโกะ ที่นี่คุณจะได้พบกับวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจของภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านเหนือทะเลสาบ สะท้อนภาพของภูเขาลงบนผืนน้ำ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาเต็มไปด้วยความงดงามอันเงียบสงบและมีเสน่ห์ ในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน คุณสามารถเก็บภาพที่แตกต่างกันได้ ตั้งแต่แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องให้ภูเขาไฟฟูจิดูโดดเด่น ไปจนถึงเวลาพลบค่ำที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีทองและน้ำเงิน ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกและงดงามอย่างยิ่ง สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองนาโกย่า
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตมคารท้องถิ่น (6)
หลังอาหารกลางวัน นำท่านไปยัง เมืองโอบาระ (Obara) เป็นเมืองที่อยู่ในเมืองโตโยต้า (Toyota) จังหวัดไอจิ (Aichi) นำท่านเดินชม ซากุระ 4 ฤดู (Shikizakura) ซึ่งเป็นซากุระที่แตกต่างกับพันธุ์อื่น เนื่องจากซากุระพันธุ์นี้จะบาน 2 ครั้งต่อปี คือ จะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเมษายน) และช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณปลายตุลาคมถึงต้นธันวาคม) โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้น จะมีความพิเศษตรงที่ซากุระจะบานพร้อมกับใบไม้แดง
ในทุกปีจะมี งานเทศกาลชมดอกซากุระสี่ฤดูที่โอบาระ (Obara Shikizakura Matsuri) โดยทุกปีจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 1-30 พ.ย. เปิดให้เข้าชมเวลา 10.00-16.00 น. ภายในงานจะมีการแสดงที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น Obara Kabuki รวมไปถึงร้านอาหารญี่ปุ่นต่างๆที่มารวมตัวออกงานกันอย่างครื้นเคริง ตลอดจนการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กระดาษญี่ปุ่น Japanese Paper Art Museum และ Art and Crafts Center และจุดที่เป็นไฮไลท์คือ ต้น Shikizakura อายุกว่า 100 ปี และได้รับการรักษาเป็นสมบัติทางธรรมชาติของจังหวัดอีกด้วย
โดยที่จุดแวะจุดแรก เราจะไปที่ Senmi Shikizakura no Sato, Four Seasons Cherry Blossoms หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดินแดนซากุระสี่ฤดู (Four Seasons Cherry Blossoms) เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าทึ่งและหาชมได้ยากในประเทศญี่ปุ่น ความพิเศษของสถานที่นี้คือการที่ต้นซากุระสายพันธุ์พิเศษที่เรียกว่า “ชิคิซากุระ” (Shikizakura) สามารถออกดอกได้ถึงสองครั้งต่อปี ซึ่งปกติซากุระทั่วไปจะบานในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ที่นี่คุณสามารถชมซากุระบานได้ทั้งใน ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วง ทำให้เป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนใครและน่าสนใจอย่างมาก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ดอกซากุระชิคิซากุระจะบานพร้อมกับใบไม้ที่เปลี่ยนสี ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงามและแปลกตา การที่ได้เห็นดอกซากุระสีชมพูอ่อนตัดกับสีสันสดใสของใบไม้เปลี่ยนสีเช่น สีแดง ส้ม และเหลือง เป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่งและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
หลังจากนั้น เราจะแวะไป อีกจุด ชื่อว่า Obara Fureai Park ซึ่งทั้งสองจุดนี้ ห่างกันประมาณ 4.3 KM ใช้เวลาเดินทาง เพียง 5-10 นาทีเท่านั้น แต่ละจุดก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน อิสระให้ท่านเดินชม และถ่ายรูป ตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านไปยัง นาบานะโนะ ซาโตะ
เดินทางถึง นาบานะ โนะ ซาโตะ (Nabana No Sato) นำท่านทานอาหารเย็นในภัตาคารในสวน นาบานะ โนะซาโตะ (7)
นาบะนาโนะ ซาโตะ (Nabana No Sato) ซึ่งเป็นธีมปาร์ค (Themepark) แห่งหนึ่งในพื้นที่ของ Nagashima Onsen เช่นเดียวกับ Nagashima Spa Land ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองคุวานะ จังหวัดมิเอะ (Mie Prefecture) ห่างจากเมืองนาโงย่า จังหวัดกิฟุ (Gifu Prefecture) เพียง 30 – 45 นาทีเท่านั้นเอง
ในฤดูกาลปกติที่นาบะนาโนะซาโตะ ก็เป็นสวนดอกไม้ที่มีไม้ดอกหลากสีสันซึ่งสลับสับเปลี่ยนกันมาให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นซากุระ หรือทิวลิป และต้นฤดูร้อนก็จะมีการแสดงดอกอาจิไซครั้งใหญ่ด้วย (ดอก Ajisai = ดอก Hydrangea)
แต่พอถึงฤดูหนาว เทศกาลอันโดดเด่นของที่นี่ก็คือ Winter Illumination ซึ่งจะมีการจัดแสดงไฟ LEDs หลายล้านดวง บางจุดก็มีการจัดแสดงแสงสีประกอบเสียงเพลงอีกด้วย โดย Theme ของงาน Winter Illumination ที่ Nabana No Sato นั้นจะอิงกับธรรมชาติ สายน้ำ อุโมงค์แห่งแสง สวนดอกไม้ที่เนรมิตขึ้นจากดวงไฟ ต้นไม้แฝดสูง 18 เมตร เป็นต้น ซึ่งที่นี่ถือเป็นหนึ่งในสามสุดยอดการประดับไฟที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
โดยธีมในแต่ละปีจะมีการสลับปรับเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ หรือตามความเหมาะสมในขณะนั้น หลังจากทานอาหารเย็น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำทุกท่าน เดินชม งาน Winter Illumination ใน Nabana No Sato เมื่อสมควรแก่เวลา นำท่าน กลับที่สู่ที่พัก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที)
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก The COURTYARD by MARRIOT หรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (8)
หลังอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่เมืองอะซึเคะ (Asuke) ตั้งอยู่ในภาคกลางของจังหวัดไอจิ นำท่านชมความงามของ หุบเขาโครังเค ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไอชิโคเง็น เมือง โทโยตะ มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องความงามของ ใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะบนภูเขาอีโมริ ที่เต็มไปด้วยเมเปิ้ลราว 4,000 ต้น ต้นเมเปิ้ลนี้ได้ถูกปลูกทีละต้นทีละต้นมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
เริ่มต้นจากการเป็นสถานที่สงบเงียบในช่วงสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) โครังเคเป็นส่วนหนึ่งของวัด Kojakuji ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอิโมริ พระ(เจ้าอาวาส)ในสมัยนั้นเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเริ่มต้นการปลูกต้นเมเปิ้ลรอบภูเขา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับบริเวณวัด และยังเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติที่มีความเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตและศาสนาพุทธของคนญี่ปุ่นในสมัยนั้น จากการปลูกต้นเมเปิ้ลอย่างต่อเนื่องนี้ หุบเขาโครังเคจึงกลายเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านความงดงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลประมาณ 4,000 ต้นที่ปลูกมาตั้งแต่สมัยเอโดะจะแสดงสีสันที่งดงาม ทำให้โครังเคเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวบ้านท้องถิ่น จนกระทั่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
โครังเค กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ ความงามของต้นเมเปิ้ลที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง เป็นที่จดจำกันไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ การเปิดแสงไฟ (light up) ในตอนกลางคืน ในช่วงเทศกาลเมเปิ้ลแห่งโครังเค ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากยิ่งขึ้น และในช่วงตั้งแต่ กลางเดือนพฤศจิกายนถึง วันที่ 2 เดือนธันวาคม จะมีงานเทศกาลต้นเมเปิ้ลแห่ง Korankei ในตอนกลางคืน ซึ่งจะเปิด light up ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากตอนกลางวัน
ช่วงระหว่างงานเทศกาลจะมีร้านรวงต่างๆ ของชาวบ้านบริเวณนั้นมาออกร้าน นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศจะมาชื่นชมและเข้าร่วมงานเทศกาลนี้ แต่พอถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกด็อกทูทไวโอเลต หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า คะตะคุริ ก็จะพากันผลิบาน อวดดอกสีม่วงสวยสดมาแทนที่ ดึงดูดใจผู้ที่รักในธรรมชาติมาท่องเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้โครังเคเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ อิสระให้ท่านเดินเที่ยวชมเก็บภาพบรรยากาศตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (9)
ออกเดินทางสู่เมืองชิงะ (Shiga) : ทะเลสาบบีวาโกะ เพื่อมุ่งหน้าไปโรงแรม Sato-yu Mukashibanashi Yuzanso ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2:30 hr
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
รับประทานอาหารค่ำ ที่ ห้องอาหารของ โรงแรม (10)
Sato-yu Mukashibanashi Yuzanso หรือเทียบเท่า (ระดับ 4ดาว)
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (11)
หลังอาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ อาราชิยาม่า (Arashiyama) เป็นสถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ของเกียวโต ตั้งอยู่ค่อนไปทางตะวันตกของตัวเมือง เป็นที่ที่มีธรรมชาติสวยงาม ในฤดูใบไม้ผลิจะ มีซากุระบานสวยมากมายและในฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้แดง นอกจากนี้ยังมีป่าไผ่ที่อุดมสมบูรณ์ เขียวสวยตลอดปีนอกจากธรรมชาติแล้วก็ยังมีย่านโบราณที่ดูสงบริมฝั่งแม่น้ำ ทั้งยังมีวัดเก่าแก่ที่ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และก็มีสะพานยาวสวยสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ ที่นี่ ชื่อว่า สะพานโทเง็ทสึเคียว (Togetsukyo)มีความหมายว่า สะพานชมจันทร์ โดยมีภูเขา อาราชิยาม่าเป็นฉากหลัง ทอดยาวข้ามแม่น้ำโฮซึ
ปัจจุบันนี้ อาราชิยาม่า ถือได้ว่าเป็น 1 ใน 10 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่ควรพลาดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ระหว่างทางจากสะพานยังมีทางเดินที่ สองข้างทางเหมือนอุโมงค์ไผ่ ให้ความรู้สึกสงบและสดชื่นเย็นสบายตลอดเส้นทาง
นอกจากนี้ยังมี วัดเทนริว (Tenryu-ji) ซึ่งเป็นวัดนิกายเซนที่เก่าแก่สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ.1345 เพื่ออุทิศให้แก่ พระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ ภายในมีสวนโซเง็นฉิ (Sogenchi) ที่เป็นสวนดั้งเดิมตั้งแต่วัดสร้างเสร็จ และไม่ไกลจากบริเวณวัด จะเป็นทางเดินป่าไผ่ (Bamboo Groves)ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์เด่นอีกจุด หนึ่งของอาราชิยาม่าเช่นกัน วัดเทนริวจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี ค.ศ. 1994 อีกด้วย
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (12)
หลังอาหารกลางวัน นำท่านชม วัดคินคาคุจิ (Kinkakuji) ซึ่งมีศาลาทองเป็นจุดเด่นของวัด ลักษณะเป็นอาคารสามชั้น ชั้นแรกสร้างตามแบบพระราชวัง ชั้นสองสร้างตามแบบบ้านซามูไร ชั้นสามสร้างตามแบบวัดพุทธในนิกายเซน ด้านหน้ามีบึงน้ำขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยภูมิทัศน์อันงดงาม ในอดีตเป็นที่ประทับของโชกุนโทกุกาว่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งของเกียวโตซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษทิ่ 15 ก่อน ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1955
นับเป็นสถาปัตยกรรมที่ยังคงไว้ซึ่งรูปแบบของ สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโดยแท้ ส่วนมากมักรู้จักจากภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอิคิวซัง คนท้องถิ่นจะรู้จักกันดีในชื่อว่า วัดโระคุงอนจิ และ ถูกขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994
จากนั้น นำท่านเดินทางต่อไปยังวัดชินเนียวโด (Shinnyo-do Temple) วัดชินเนียวโด (Shinnyo-do Temple): วัดแห่งความสงบที่ซ่อนเร้นในเมืองเกียวโต
วัดชินเนียวโด (Shinnyo-do Temple) เป็นหนึ่งในวัดพุทธนิกายมหายานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในเมืองเกียวโต วัดนี้สร้างขึ้นในช่วงสมัยเฮอัน (ค.ศ. 794–1185) ซึ่งเป็นยุคที่ศิลปะและวัฒนธรรมเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในญี่ปุ่น ถึงแม้วัดชินเนียวโดจะไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าวัดดังอื่น ๆ ในเกียวโต เช่น วัดคินคะคุจิ (ปราสาททอง) หรือวัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส) แต่ที่นี่กลับมีเสน่ห์และความสงบที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้ผู้ที่มาเยือนสามารถสัมผัสความเงียบสงบและความงดงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้วัดชินเนียวโดเป็นที่น่าสนใจคือความงดงามของธรรมชาติรอบวัด ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง วัดชินเนียวโดจะกลายเป็นสถานที่ที่สวยงามอย่างยิ่งเพราะต้นเมเปิ้ลในบริเวณวัดจะเปลี่ยนสีเป็น สีแดง เหลือง และส้มอย่างสดใส นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นรอบๆ วัด ชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีและถ่ายภาพเก็บบรรยากาศสุดประทับใจ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นถ่ายรูป รอบตัววัดชินเนียวโด เมือสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองชิงะ (Shiga) : ทะเลสาบบีวาโกะ เพื่อมุ่งหน้าไปโรงแรม Sato-yu Mukashibanashi Yuzanso (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 hr)
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับไปยัง เมืองชิงะ (Shiga) : ทะเลสาบบีวาโกะ เพื่อมุ่งหน้าไปโรงแรม Sato-yu Mukashibanashi Yuzanso (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 hr)
รับประทานอาหารค่ำ ที่ ห้องอาหารของ โรงแรม (13)
Sato-yu Mukashibanashi Yuzanso หรือเทียบเท่า (ระดับ 4ดาว)
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (14)
หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางไปยัง เกียวโต อีกครั้ง นำท่านเข้าชมวัดโทฟุคุจิ: อัญมณีแห่งเกียวโต ที่ผสานความงดงามทางธรรมชาติและสถาปัตยกรรม
วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสถานีเกียวโต เป็นหนึ่งในวัดพุทธนิกายเซนที่สำคัญที่สุดในเกียวโต วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1798 (ค.ศ. 1236) โดยมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัดโทไดจิ (Todaiji) ในเมืองนาระ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ยิ่งใหญ่และสง่างามซึ่งสะท้อนถึงยุคทองของศิลปะและสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในสมัยนั้น ซึ่งรวมถึงวัดย่อยอีก 25 แห่ง อาคารหลายหลังในสถานที่แห่งนี้รวมถึงเซนโดะหรือพื้นที่สำหรับปฏิบัติสมาธิมีอายุย้อนกลับไปจนถึงยุคมุโรมาชิ (ปีค.ศ. 1338-1573) และเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมเซนแบบเฉพาะที่ไม่ค่อยได้พบเห็นนักในเวลานั้น
วัดโทฟุคุจิ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ราวเดือนพฤศจิกายน ที่นี่จะเต็มไปด้วยความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งมีต้นเมเปิ้ล มากกว่า 2,000 ต้นอยู่รอบๆ บริเวณวัด ต้นเมเปิ้ลที่นี่จะเปลี่ยนสีเป็นแดง เหลือง และส้ม สร้างบรรยากาศที่งดงามราวกับภาพวาด ธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยสีสันสดใสทำให้วัดโทฟุคุจิกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่รักการชมใบไม้เปลี่ยนสี
หนึ่งในจุดชมวิวที่โดดเด่นที่สุดคือสะพาน ซึเทนเคียว (Tsutenkyo Bridge) ซึ่งทอดข้ามหุบเขาเล็กๆ บริเวณวัด นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามสะพานและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของต้นไม้ที่เปลี่ยนสีได้จากมุมสูง สะพานนี้เป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเมื่อใบไม้เมเปิ้ลกำลังผลัดใบอย่างเต็มที่ สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทาง สู่วัดวัดคิโยะมิซุ
อิสระอาหารกลางวัน ณ บริเวณวัดคิโยะมิซุ
วัดคิโยะมิสุ (Kiyomizu-dera) หรือ “วัดน้ำใส” เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโต ทั้งในด้านความงดงามทางสถาปัตยกรรมและทิวทัศน์ที่งดงาม ตั้งอยู่บนเนินเขาฮิงาชิยามะทางตะวันออกของเมืองเกียวโต วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 1321 (ค.ศ. 798) โดยเป็นวัดพุทธนิกายมหายาน ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
วัดคิโยะมิสุโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง ตัวอาคารหลักของวัดถูกสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูเลยสักตัว มีระเบียงไม้ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาเหนือหุบเขา ให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเกียวโตและธรรมชาติรอบข้าง ระเบียงนี้สร้างขึ้นจากเสาไม้ขนาดใหญ่กว่า 139 ต้น ซึ่งทำให้โครงสร้างดูแข็งแรงและน่าตื่นตาตื่นใจ ระเบียงนี้ไม่เพียงเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อทางพุทธศาสนาในการทำสิ่งใดให้เต็มที่และมุ่งมั่น
หนึ่งในจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนวัดคิโยะมิสุคือ “น้ำศักดิ์สิทธิ์” จากน้ำตกโอะโตะวะ (Otowa no Taki) ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของชื่อวัด “คิโยะมิสุ” ซึ่งหมายถึง “น้ำใส” นักท่องเที่ยวสามารถดื่มน้ำจากน้ำตกที่ไหลลงมาจากภูเขา โดยเชื่อกันว่าน้ำนี้มีพลังในการมอบความโชคดีและพรต่างๆ เช่น สุขภาพ ความสำเร็จในด้านการศึกษา และความรัก น้ำตกนี้แบ่งออกเป็น 3 สาย และแต่ละสายก็มีความหมายและพรที่แตกต่างกันไป ทำให้ผู้มาเยือนมักมาขอพรเพื่อความสำเร็จในชีวิต
และการเดินขึ้นมาถึงวัดคิโยะมิสุเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจเช่นกัน นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านถนนสายโบราณที่เรียกว่า “ซาเนนซากะ” และ “นิเนนซากะ” ที่เต็มไปด้วยร้านค้าของที่ระลึกแบบดั้งเดิม เช่น ชาเขียว เครื่องปั้นดินเผา และขนมพื้นเมือง ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์
หลังจากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Taisha) ตั้งอยู่ในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงที่สุดในการบูชาเทพเจ้าอินาริ เทพแห่งข้าวและความอุดมสมบูรณ์ จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้คือเสาโทริอิสีแดงสดที่เรียงรายกันเป็นอุโมงค์ยาวหลายพันต้น เรียกว่า “เส้นทางโทริอิ” นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาที่นี่เพื่อขอพรด้านธุรกิจ การงาน และความสำเร็จ
หลังจากที่เดินเล่นและถ่ายรูปที่ ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางไปยัง เมืองโอซาก้า (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 hr)
เมื่อถึง โอซาก้า นำท่านมาเดินเล่นที่ ตลาดชินไซบาชิ
ตลาดชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ตลาดนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง มีร้านค้าหลากหลายรูปแบบตั้งแต่แบรนด์เนมระดับโลกไปจนถึงร้านค้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ถนนชินไซบาชิสุจิที่ยาวกว่า 600 เมตร เต็มไปด้วยสินค้ามากมาย เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ และของฝาก เหมาะสำหรับการเดินช้อปปิ้งเพลิดเพลิน ในส่วนของอาหาร ถ้าคุณกำลังมองหาอาหารทะเลสด ๆ หรือปูสดๆ คุณไม่ควรพลาดร้าน คานิโดระขุ (Kanidoraku) ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงเรื่องเมนูปูสด ๆ ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชินไซบาชิ ที่นี่คุณสามารถลิ้มลองเมนูปูที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นปูย่าง ปูนึ่ง หรือซูชิปู เมนูที่นี่จะเสิร์ฟมาในรูปแบบที่คุณสามารถสัมผัสรสชาติที่สดใหม่จากทะเลได้อย่างเต็มที่ เป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างการช้อปปิ้งและการรับประทานอาหารอย่างลงตัวในโอซาก้า
รับประทานอาหารค่ำที่ ร้าน คานิโดระขุ (Kanidoraku) (15)
หลังอาหารนำท่านเข้าสู่ที่พักได้อย่างเต็มที่ เป็นประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างการช้อปปิ้งและการรับประทานอาหารอย่างลงตัวในโอซาก้า
HANKYU RESPIRE ระดับ 4 ดาว หรือ เทียบเท่า
รับประทานอาหารเช้าที่ โรงแรม (16)
เดินทางไปสนามบิน คันไซ
เหินฟ้าสู่ เมืองไทย โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 623
เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ ด้วยความประทับใจ
มื้ออาหาร
มื้อเช้า
มื้อกลางวัน
มื้อเย็น
วันที่ 1
วันที่ 2
วันที่ 3
วันที่ 4
วันที่ 5
วันที่ 6
วันที่ 7
วันที่ 8
โรงแรมและที่พัก
วันที่
โรงแรมและที่พัก
ระดับหรือเทียบเท่า
1
–
–
2
3
4
5
6
7
8
–
–
กรุณา กรอกข้อมูลการจอง
Thank you for reading this post. Don't forget to follow! | express opinions or suggestions