ตั้งแต่มี Covid-19 แพร่ระบาดที่ผ่านมา (ตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงตอนนี้ ในกลางปี 2022) และแม้ว่า รัฐบาลใกล้จะประกาศให้โควิท เป็นโรคประจำถิ่น (Post-Pandemic) (ตามแผนที่วางไว้คือ 1 กรกฏาคม 2565) ในเร็วๆนี้
โดยที่ผ่านมา นักเดินทางสายท่องเที่ยวต่างห่อเหี่ยวใจกันยกใหญ่ ทั้งต่อนักท่องเที่ยวเอง ผู้เดินทางทั่วไป ผู้เดินทางเพื่อการศึกษา หรือ ผู้เดินทางเพื่อการเจรจาธุรกิจ และทั้งต่อผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเอง เพราะต่อให้ไม่ได้เดินทางไปไหนไกล แค่จะไปหน้าปากซอยยังกล้าๆ กลัวๆ จะติดเชื้อมั้ยนะ? ยิ่งคิดจะวางแพลนไปเที่ยวตามวันหยุดหรือเทศกาลอย่างที่ผ่านมายิ่งไม่กล้าไปกันใหญ่ และถึงแม้หลายๆประเทศได้ผ่อนคลาดมาตรการต่างๆในการเข้าประเทศไปบ้างแล้ว เรื่องการทำพาสปอร์ต (Passport) ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามไปในช่วงนี้ เพราะคิดว่า ถ้าไม่มีแพลนเที่ยวหรือเดินทางไปไหนจะรีบทำพาสปอร์ตไปทำไม เราจึงขอมาบอกต่อ 7 เหตุผลที่คุณควรมีพาสปอร์ต (Passport) แม้จะยังไม่มีแพลนไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม เผื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านกัน!
ไม่ว่าจะอยู่ในยุคปกติ หรือยุค Covid-19 หรือแม้กระทั่ง โควิทผ่านไป และมี โรคระบาดใหม่เกิดขึ้น เอกสารสำคัญที่ใช้ในการเดินทางอย่าง พาสปอร์ต (Passport) ก็ยังถือเป็นอีกเอกสารสำคัญในการแสดงตัวตน
โดยในบางประเทศสามารถใช้แทน บัตรประชาชน ได้เลย เช่น ในประเทศ ยูเครน สามารถใช้พาสปอร์ตในการ สมรส ซื้ออสังหาริมทรัพย์ สมัครงาน เป็นเอกสารสำคัญอย่างเดียวได้เลย ฯลฯ อย่างไทยเอง แม้ว่าจะลืมพกบัตรประชาชน ก็สามารถนำพาสปอร์ตไปใช้เป็นเอกสารสำคัญแสดงตัวตนได้เช่นกัน
ในสถานการณ์ต่างๆ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เวลาหาบัตรประชาชนไม่เจอ สามารถใช้ พาสปอร์ตแทนได้ เช่น เลือกตั้ง เข้าสอบ ฯลฯ หรือ ในกรณีอยู่ต่างประเทศ (กรณีมี พาสปอร์ตอยู่แล้ว) เกิดเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่ต้องแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ พาสปอร์ต นี่แหละคือเอกสารสำคัญที่สุด ที่จะแสดงตัวตนของท่านได้ เพราะฉนั้น พาสปอร์ตควรมีติดตัว ห้ามหาย ห้ามชำรุด และ ห้ามหมดอายุ
พาสปอร์ต (Passport) ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับสายเที่ยว และสายช้อป ไม่ใช่แค่เพื่อเป็นเอกสารสำหรับยืนยันตัวตน เพื่อเดินทาง แต่ยังช่วยให้คุณสามารถ ซื้อสินค้าหรือบริการได้ในราคาพิเศษ เช่น สินค้าปลอดภาษีของขาช้อป ตามประเทศที่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อดึงเงินสายเที่ยวนักช้อปโดยเฉพาะ อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังอาจจะซื้อตั๋วเดินทาง เพื่อท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายในประเทศที่มีนโยบายต่างๆ อย่างญี่ปุ่น ที่มี ตั๋วรถไฟ JR Pass เดินทางได้แบบจ่ายเหมาวัน ซึ่งหากมีการเปิดประเทศหลังหมดช่วง Covid-19 เมื่อไหร่คงจะต้องมานั่งเช็คอีกครั้งว่า มีประเทศไหนที่มีนโยบายที่น่าสนใจเหล่านี้บ้าง
และยังจำได้ใช่มั๊ย เคาเตอร์เครมภาษี ต่างๆ ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ของแต่ละประเทศ เราต้องยื่น พาสปอร์ต และ ใบเสร็จต่างๆของเรา ที่เคาเตอร์ผู้ให้บริการ หลังจากนั้น จะมีเงินคืนมาให้เรา อาจจะเป็นเงินสด หรือ โอนเงินคืน กลับไปยังบัตรเครดิต อันนั้นก็แล้วกระบวนการ แต่ส่วนมากมักจะคืนเงินเป็นเงินสด
ใครที่ต้องยื่นเอกสารยืนยันตัวตนแล้วกลัวอีกฝ่ายจะหาว่าเป็นเอกสารปลอมที่เช็คยาก ทำให้ลำบากในการรอตรวจเช็คนานๆ หรือป้องกันการโดนสวมเอกสารโดยที่เจ้าตัวอย่างคุณอาจไม่รู้ตัว การทำพาสปอร์ต (Passport) โฉมใหม่ในช่วง Covid-19 นี้มีความน่าสนใจตรงที่ขั้นตอนและเอกสารตัวเล่มมีความปลอดภัย-ตรวจสอบว่า เป็นเอกสารจริง/เท็จได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมาอย่าง การแสกนม่านตา เพื่อเก็บ Biometric เพิ่มเติมจากลายนิ้วมือปกติ, ลายเซ็นปรับมาเป็นลายเซ็นต์ดิจิตอล
ส่วนตัวรูปเล่มแบบใหม่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น มีรูปภาพ 3 ตำแหน่ง
ลายเซ็นนูนเหมือนลายเซ็นต์ที่พึ่งเซ็นต์ลงไป, มีอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา ฯลฯ รวมๆ แล้วยากต่อการปลอมแปลงจริงๆ
ทราบหรือไม่ว่า พาสปอร์ต (Passport) รุ่นใหม่ ไม่ได้มีอายุการใช้งานที่สั้นเพียง 5 ปีเท่าเมื่อก่อนแล้ว (ยิ่งเวลาเดินทางออกนอกประเทศ ที่จำเป็นต้องมีอายุพาสปอร์ตเหลือมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนอายุการใช้งานสั้นเพียง 4 ปีกว่าเอง) แต่พาสปอร์ตรุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดให้ทำอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีอายุการใช้งานให้เลือกสูงถึง 10 ปี
เพราะฉะนั้น แม้ตอนนี้จะยังไม่มีแพลนไปเที่ยวหรือเดินทางไปไหนก็ตาม แต่ก็สามารถทำไว้ก่อนได้ อย่างไรก็มีอายุยาวๆ ไปจนถึงช่วงพ้นจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 แน่นอน
โทรสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ Call Center กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ Tel : 02-572-8442
ปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่ได้รับ วัคซีน เพื่อป้องกัน Covid-19 แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ ยังมีท่าทีรีรอที่จะ เดินทางไปต่างประเทศ โดยอาจจะมาจาก ปัญหาเศรษฐกิจ หรือ ความไม่ค่อยมั่นใจในสถาณการณ์ โควิด ที่ มีข่าวใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา แต่การเดินทางไปต่างประเทศ จะค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเมื่อ หลายๆประเทศผ่อนคลาดมาตรการการเข้าเมือง ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงคิดว่า ยังไม่ไปทำพาสปอร์ต (Passport) ดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมในเมื่อไม่ได้มีแพลนไปไหน
แต่ลองมองมุมกลับ ปรับมุมมอง คุณจะเห็นว่า การที่คนส่วนใหญ่ไม่ไปทำพาสปอร์ตในช่วงนี้ ก็คือ ข้อดี ที่คุณควรมีพาสปอร์ตในช่วง Covid-19 แม้จะยังไม่มีแพลนเที่ยว เพราะช่วงนี้จะมีความสะดวกสบาย แทบไม่ต้องต่อคิว เพราะคนน้อยมากจนเกือบจะโล่ง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อย ขั้นตอนต่างๆ สะดวกมากขึ้น เพราะมีการปรับนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น ทั้งเครื่องแสกน เซ็นต์อิเล็กทรอนิกส์ หรือชำระผ่านคิวอาร์โค้ด ฯลฯ ใครที่อยากไปทำพาสปอร์ตแบบชิลๆ ก็ขอแนะนำให้ทำช่วงนี้เลย เวิร์กมาก!
สะดวกสบายมากขึ้นเมื่อ การไปทำ พาสปอร์ต หรือ การไปทำหนังสือเดินทาง สามารถ จองคิว ล่วงหน้า แบบ Online ได้แล้ว โดยท่านสามารถ ที่เข้าไปลงทะเบียน ที่เว็ป ระบบลงทะเบียนขอทำหนังสือเดินทางล่วงหน้ากรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพียงเท่านี้ ท่านก็จะได้เวลานัดหมาย วันที่ เวลา สถานที่ที่จะไปทำ หนังสือเดินทาง ล่วงหน้า ไม่ต้องเสียเวลารอคิว ใดๆ ให้เสียอารมณ์ (จากสถิติย้อนหลัง 5 วัน จำนวนผู้ใช้บริการที่ กรมการกงศุล (ศูนย์ราชการ) โดยเฉลี่ยอยู่ที่วันละ ประมาณ 325-350 ท่าน/วันเท่านั้น จำนวนการรอคิดเฉลี่ยอยู่ที่ 5 คิว ซึ่งแทบจะบอกได้ว่า แทบไม่ต้องรอ และใช้เวลาทำ เพียง 15-20 นาที เท่านั้นเอง
ถึง Covid-19 จะมาดับฝันแพลนเที่ยวของคุณ แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องหยุดแพลนอื่นๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตและอนาคตที่ดีของคุณ เช่น การไปเรียน หรือทำงานต่างประเทศ ฯลฯ การทำพาสปอร์ต (Passport) ยังถือว่าเป็นหนึ่งในเอกสารจำเป็น เพื่อใช้ในการเดินทางเข้าแต่ละประเทศอยู่ รวมถึง การเดินทางเพื่อไปฉีดวัคซีนที่ต่างประเทศ สำหรับคนที่รอฉีดในประเทศไม่ไหว บางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาหรืออื่นๆ ที่มีจำนวนวัคซีนเกินกว่าความต้องการของประชากรในประเทศต่อวัน ในบางรัฐก็อาจจะปล่อยให้คนนอกฉีดวัคซีน (แบบที่ไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ) ได้ เพราะฉะนั้น แม้จะไม่มีแพลนเที่ยว แต่ถ้ามีแพลนอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเดินทางไกลก็อย่าลืมทำพาสปอร์ต ล่วงหน้ากันไว้ด้วย เช่นมี การวางแผนศึกษาต่อต่างประเทศ มีการขอทุนเพื่อการศึกษาต่อ ที่ต่างประเทศ ซึ่งแน่นอน บางทุนก็สามารถส่งเอกสารต่างๆผ่าน ระบบ Online แต่ หนึ่งในหลักฐานที่ต้องมี นอกจากผลการเรียน หรือ ตัวอย่างผลงาน หรือ คะแนนสอบวัดผลทางภาษา แล้ว นั่นก็คือ พาสปอร์ต นั่นเอง
หลังจาก จากที่กฏหมาย GDPR (General Data Protection Regulation) กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ สหภาพยุโรป ได้ประกาศใช้ และมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2561 เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และต่อมา ในประเทศไทย ก็มีกฏหมาย PDPA (Personal Data Protection Act: PDPA) โดยกฎหมายนี้ได้เริ่มบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2565 เป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รูปถ่าย บัญชีธนาคาร อีเมล ไอดีไลน์ บัญชีผู้ใช้ของเว็บไซต์ ลายนิ้วมือ ประวัติสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถระบุถึงตัวเจ้าของข้อมูลนั้นได้ เพื่อปกป้องผู้บริโภค เป็นสำคัญ
ดังนั้นเมื่อ เราเป็นผู้โฆษณา สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ บัญชีโฆษณา ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีโฆษณาของ Google Adword, Google Adsense, Facebook For Business, Ads For Twitter ต่างขอหลักฐาน การชำระภาษี หลักฐานการ จดบริษัทฯ และ ที่อยู่ที่ติดต่อ ได้จริงๆ ของ ผู้ที่มีบัญชีโฆษณา ทั้งที่ทำในแบบบัญชีส่วนตัว และ ทำในรูปแบบ บัญชีบริษัทฯ แพลตฟอร์ดังกล่าวข้างต่าง เริ่มร้องขอ หลักฐาน ต่างๆ เพื่อระบุตัวตนของ ผู้โฆษณา เพื่อปรับรูปแบบของบัญชี ให้เป็น บัญชีรับรอง ดังนั้น ถ้าเราเป็น พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ และ เรา เริ่มมีการโฆษณา Passport ของเรา สามารถใช้เป็น เอกสารยืนยันตัวตนได้ ส่วนหลักฐานอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ก็อยู่ที่เจ้าของ แพลตฟอร์ม จะร้องขอ เพิ่มเติม
(รับทำเฉพาะหนังสือเดินทางราชการเท่านั้น)
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว (อื่นๆ) Click
Thank you for reading this post. Don't forget to follow! | express opinions or suggestions
Video แนะนำ ทัวร์ซิน…
สระน้ำห้าสี (สระน้ำ5…
Long Footage Video C…
This website uses cookies.