เมื่อนึกถึง ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หลายๆครั้งเรามักจะได้ยินเพื่อนๆช่วนกันไปเที่ยว และใช้คำว่า เที่ยวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นการใช้คำทดแทน จาก ฤดูใบไม้ร่วง กลาย เป็น ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นที่เข้าใจตรงกันว่า เป็นการเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยช่วงเวลาในการเที่ยวของแต่ละจุดท่องเที่ยว ถ้าไปเร็วเกินไปก็จะแค่ได้ไปเที่ยวแต่ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสี หรือ ถ้าไปช้าเกินไปก็จะเห็นแต่ใบไม้ร่วง ดังนั้นเนื้อหาในบทความนี้จึงเน้นไปที่การรีวิว ทัวร์ญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี ที่มีโอกาสเห็น ใบไม้เปลี่ยนสี ในทุกๆที่ที่ได้ไปในทริปเดียว โดยเป็นการตั้งต้นเที่ยวจาก โอซาก้า, เกียวโต, มิเอะ, ไอจิ(นาโกย่า), ยามานาชิ, คามาคุระ, และ ไปจบทริปที่ โตเกียว
สำหรับการรีวิวนี้ เราจะเริ่มเที่ยวจาก โอซาก้า และ เดินทางไปทางตะวันออกเรื่อยๆ จนจบทริปที่ โตเกียว และจะเป็นการเที่ยวทั้งหมด 6วัน 5คืน เพราะฉนั้นการวางแผนการเดินทางเพื่อให้ได้ชมใบไม้เปลี่ยนสี ตลอดทริปอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเลือกวันเดินทางให้ดี
โดยอาศัยจากการพยากรณ์ หรือ การคาดการณ์ล่วงหน้า จากเว็ปพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีต่างๆ และ จากประสบการณ์ตรงที่เราได้เคยจัด ทริปชมใบไม้เปลี่ยนสี ในปีที่ผ่านๆมาเป็นหลัก และพอจะคะเนได้ว่า วันที่ที่เหมาะสมในการ จัดทริปแบบนี้ จะอยู่ในช่วงพีเรียด ตั้งแต่ วันที่ 21 พฤศจิกายน เป็นต้นไป หรือ ในบางปีอาจจะขยับเป็นวันที่ 22 หรือ 23 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ก็ถือว่ากำลังเหมาะสม
แต่นักท่องเที่ยวอาจจะต้องทำความเข้าใจเล็กน้อยว่า การเที่ยวในฤดูกาลนี้ ไม่มีใคร คาดการณ์ได้แม่นยำ 100% แต่ที่ผ่านๆมา 80-90% ถือว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการจัดทริปแบบต่อเนื่อง เพราะเราจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี ในทุกๆเมืองที่เราเดินทางท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องทุกวัน รวมถึงได้เห็น ซากุระ 4 ฤดู (ชิกิซากุระ) ที่โอบาระ พร้อมกันในทริปเดียว รวมถึงในช่วงปลายทริป ที่เราเดินทางเข้าสู่ โตเกียว เราก็ยังสามารถเห็น ใบแปะก๊วยสีเหลือง ที่ถนนสายแปะก๊วย อิโชนามิกิ (Jingu Gaien Ginkgo Avenue) ด้วยเช่นกัน
ในทริปนี้เราเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นที่โอซาก้า โดยเข้าทาง สนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) เป็นจุดแรก และ การเดินทางกลับมายังประเทศไทย เราเดินทางกลับ จาก โตเกียว หรือ สนามบินนานาชาตินาริตะ (NRT) เป็นหลัก ดังนั้น สายการบินที่เลือก ใช้สำหรับ ขาไปยังโอซาก้า สามารถ เลือก ได้หลายสายการบิน เช่น การบินไทย (TG), ออลนิปปอนแอร์เวย์ (All Nippon Airways) ANA, สายการบิน Thai AirAsia X (XJ) เหตุก็เพราะว่า ตอนขาไป จะออกเดินทาง จาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) ในช่วงดึก และ บินถึง สนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) ในตอนเช้า
ส่วนขากลับ ก็เช่นเดียวกัน สามารถ เลือกสายการบิน จาก 3 สายการบินข้างต้นได้ แต่ เวลากลับ ของ AirAsia X ในช่วงนี้ เวลากลับยังเป็นช่วงเช้า จึงทำให้เวลาในการเที่ยวลดลงเล็กน้อยในวันสุดท้าย จึงเป็นเหตุให้เป็นตัวเลือกที่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ส่วนสายการบิน ZIPAIR การเดินทางออกจาก กรุงเทพ เข้า โอซาก้า เป็นไฟล์ทบินใน ตอนเย็น และไปถึงดึก จึงยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่
เริ่มต้นเที่ยววันแรก น้ำตกมิโน ปราสาทโอซาก้า และ ชินไซบาชิ | Day1: Minoh Waterfall, Osaka Castle, Shinsaibashi-Suji
หลังจาก ออกจากสนามบินนานาชาติคันไซเป็นที่เรียบร้อย แล้ว เราจะเดินทางไปยัง น้ำตกมิโน หรือ น้ำตกมิโนะ ระยะเวลาในการเดินทาง จากสนามบิน ไปยัง จุดจอดรถของ Minoh Park ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1.30 hr จากจุดจอดรถเดิน ประมาณ 150 เมตรจะถึงป้ายทางลงไปยังตัวน้ำตก ที่ป้ายจะเขียนว่า ระยะทางไปยังทางลง 510 เมตร
ซึ่งสามารถเล่นเพลินๆไปยังตัวน้ำตก โดยใช้เวลาในการเดินไปถ่ายรูปไปตลอดทาง ใช้เวลาในการเดิน ประมาณ 20 นาที แบบไม่เร่งรีบโดยตลอดทาง จะมีอากาศเย็นๆกำลังดี ได้ยินเสียงน้ำตกและเสียงลมปะทะแนวต้นไม้ ได้ฟิลสดชื่นมากๆ และมีจุดสวยๆให้ถ่ายรูปได้ตลอดทาง
หลังจากเดินลงมาจากจุดจอดรถตลอดระยะทางเดิน 510 เมตรที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าร่มรื่นและมีวิวสวยๆให้ดูตลอดทาง เราก็จะลงมาถึงตัวน้ำตกมิโนะ (Minoh Waterfall) ซึ่งก็ถือว่าเป็นไฮไลท์ของ Minoh Park หรือหุบเขามิโนะ เสน่ห์ของที่นี่คือเราจะเห็นตัวน้ำตกอยู่คู่กับสะพานแดง ถ้าเป็นวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ คนจะเยอะพอสมควร เมื่อถึงตรงนี้ ก็อิสระถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
น้ำตกมิโน (Minoh Waterfall) ซึ่งมีความกว้าง 5 เมตร และสูง 33 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 100 – 600 เมตร เต็มไปด้วยพรรณไม้และแมลงนานาชนิด จริงๆแล้วถ้าเดินทางโดยรถไฟจากตัวเมืองโอซาก้า มาที่นี่ สามารถนั่งรถไฟของ Hankyu จากสถานี UMEDA (HANKYU) ค่ารถ 270 เยน มาลงที่สถานีมิโนะ แล้วเดินเข้ามาที่ตัวน้ำตกก็ได้เหมือนกัน …แต่ ระยะทางในการเดิน ประมาณ 3 km ครับ แต่ถ้ามากับทัวร์ โดยเฉพาะในทริปที่เรารีวิวนี้ ซึ่งเป็น ทัวร์ญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี เราจะใช้รถโค๊ท ไปจอดที่จุดจอดรถด้านบน และเดินเพียง 510 เมตรเท่านั้น
ประวัติแบบคร่าวๆ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1583 โดย โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ สั่งให้มีการก่อสร้าง ปราสาทโอซากะ ที่บริเวณ วัดอิชิยามะฮงกัน โดยนำแบบผังมาจาก ปราสาทอาซูจิ อันเป็นศูนย์บัญชาการหลักของ โอดะ โนบูนางะ โทโยโตมิต้องการจะสร้างให้เหมือนกับ ปราสาทอาซูจิ แต่สุดท้ายแล้วกลับโดดเด่นกว่า โดยหอคอยหลักมี 5 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น มีใบไม้ทองที่ด้านข้างของปราสาท ทำให้ตัวปราสาทสวยงามโดดเด่นประทับใจผู้พบเห็น ในปี ค.ศ. 1585 เมื่อตัวปราสาทแล้วเสร็จ โทโยโตมิจึงเริ่มแผนขยายตัวปราสาทเพิ่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก จนประทั่งในปี ค.ศ. 1597 การก่อสร้างได้แล้วเสร็จและฮิเดโยชิได้เสียชีวิตลง ตัวปราสาทจึงตกเป็นของบุตรของฮิเดโยชิ คือ โทโยโตมิ ฮิเดโยริ แต่ 30 ปีให้หลังก็ถูก โทกุงาวะ อิเอยะสุ ทําลายลง แล้วสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง
ในช่วง สงครามโลกครั้งที่สอง บริเวณปราสาทโอซาก้าเป็นคลังแสงและเป็นแหล่งผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สำคัญของญี่ปุ่น มีคนงานกว่า 60,000 คน และเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศของฝ่ายพันธมิตรด้วย ทำให้ปราสาทโอซากะเสียหายอย่างหนักในช่วงท้ายสงครามเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1945 จากการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ คลังแสงเสียหายไปร้อยละ 90 และคนงานเสียชีวิต 382 คน
ในปี ค.ศ. 1995 เทศบาลนครโอซากะเริ่มต้นโครงการบูรณะปราสาทโอซากะอีกครั้ง โดยให้ภายนอกยังคงความเป็น ยุคเอโดะ แผนการบูรณะแล้วเสร็จในปี 1997 ตัวปราสาทมีความทันสมัยขึ้นมาก มีลิฟต์ติดตั้งภายในและมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบสมัยใหม่มากมาย คูน้ำกับกําแพงที่เป็นของเดิมยังคงสภาพดีอยู่มาก ตัวปราสาทก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จในปี1997
ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้นจําลองแบบจากของเดิม ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรักษา ศิลปะวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต ปราสาทโอซาก้า ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ผู้รวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวในสมัยนั้น กำแพงหินและยากุระ (หอสังเกตุการณ์) ที่เห็นนี้ จึงได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ในสมัยเอโดะ ส่วนตัวปราสาทก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด
ปราสาทโอซากะมีสิ่งก่อสร้าง 13 อย่างที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุให้เป็นทรัพย์สมบัติสำคัญในทางวัฒนธรรม สิ่งที่มีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษคือ ประตูขนาดใหญ่และและป้อมปราการที่อยู่ตามคูกำแพงเมืองรอบนอก กำแพงสูงชันที่สูงเกือบถึง 30 เมตร นั้นทำมาจากก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งส่งเข้ามาในโอซากะจากเหมืองที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า 100 กิโลเมตร สิ่งที่น่าสนใจยังรวมถึง หลังคารูปปลาโลมาแปดตัวของหอและหลังคาอยู่ประดับไปด้วยกระเบื้อง และแกะสลักเป็นรูปเสือ ซึ่งทั้งหมดถูกชุบด้วยทองคำ
ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi-Suji) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นย่านร้านค้าที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับ ย่านโดทงโบริ อาณาเขตตั้งแต่จากสถานี Shinsaibashi ยาวมาจนถึงบริเวณสะพานเอบิสึ ตรงกลางของย่านโดทงโบริ (Dotonbori) ซึ่งย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) อยู่ใกล้กับทั้งนัมบะ (namba) และ โดทงโบริ (Dotonbori) อันเป็นย่านยอดฮิตของโอซาก้า เรียกได้ว่าถ้ามาเที่ยวที่ชินไซบาชิก็สามารถเที่ยวต่ออีกสองย่านได้แบบง่ายๆ ถือย่านสุดฮอตของเหล่านักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ และถ้ามาโอซาก้าแล้วไม่มาเที่ยวย่านนี้ถือว่ามาไม่ถึง เนื่องจากเป็นย่านศูนย์กลางการช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองโอซาก้าและภูมิภาคคันไซทีเดียว โดยจะมี หลายช้อปปิ้งสตรีทรวมตัวกัน อยู่ระหว่างสถานีรถไฟนัมบะ(Namba) และสถานีรถไฟชินไซบาชิ(Shinsaibashi Station) เป็นรวบรวมแหล่งบันเทิงต่างๆ ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้ามากมายให้ได้เลือกช๊อปกันอย่างจุใจ
หากจะลองเดิน คร่าวๆ จากย่านนัมบะ เริ่มที่ Big Camera Numba ข้ามถนน มาฝั่ง โดทงโบริ แวะไปไหว้พระที่ วัดโฮเซ็นจิ (法善寺) แล้วเดินมาที่ Meeting Point (ป้ายกูลิโกะ) เดิน ไปร้านดองกี้ และ เดิมมา โรงแรม ครอส โอเทล รวมๆแล้ว เดิน 1 รอบแบบ Survey เร็วๆ ระยะทางประมาณ 1.3 km ใช้เวลาเดินประมาณ 16 นาที แบบเหงื่อซึ่ม แต่ถ้าเราจะเดินช้อปปิ้ง เดินถ่ายรูป น่าจะมีเวลาที่นี่ ประมาณ 3-4 hr เป็นอย่างน้อย และสำหรับบางคนที่เป็นสายช้อป สายชิม สาย Photographer อยู่ทั้งวันก็ยังไม่น่าเบื่อ
ภายในย่านนี้จะมีทั้งร้านเก่าแก่ขนาดเล็กตั้งปะปนอยู่กับห้างใหญ่มีสินค้าหลากหลายรูปแบบทั้งสําหรับเด็ก และผู้ใหญ่ ซึ่งย่านนี้ถือว่าเป็นย่านแสงสีและบันเทิงชั้นนําแห่งหนึ่งของนครโอซาก้า อีกทั้งยังมีร้านอาหารทะเลขึ้นชื่อมากมาย ซึ่งเสน่ห์อย่างหนึ่งคือ ทุกร้านจะประดับประดาร้านของตนด้วยแสงไฟนีออนซึ่งจัดทําให้เป็นรูปปูกุ้ง และปลาหมึก ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและแวะถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกอย่างมาก และร้านค้าทุกแห่ง จะพยายามสร้างจุดเด่นให้แก่ร้านของตนให้ได้มากที่สุด เพื่อดึงดูดลูกค้า ให้เข้ามาใช้บริการ สัญลักษณ์เด่นของย่านนี้คือ ตึกรูปเครื่องหมายการค้าของ กูลิโกะ ผลิตภัณฑ์ขนมชื่อดังจากญี่ปุ่นนั่นเอง
Thank you for reading this post. Don't forget to follow! | express opinions or suggestions
Video แนะนำ ทัวร์ซิน…
สระน้ำห้าสี (สระน้ำ5…
Long Footage Video C…
This website uses cookies.