หมู่บ้านชิราคาว่า หมู่บ้านมรดกโลก (Shirakawa-go : ชิราคาวาโกะ)
ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ก่อนศตวรรษที่ 16 ในบริเวณนี้ เคยมีบ้านแบบกัสโชเพียง 50 หลัง จนมาถึงช่วงปลายสมัยเอโดะเพิ่มขึ้นเป็น 80 หลัง ก่อนจะเพิ่มขึ้นรวมกันแล้วกว่า 100 หลังในช่วงกลางสมัยเมจิ โดยมีถนนสายเล็ก ๆ เชื่อมโยงหมู่บ้านทั้งหมดไว้ด้วยกัน จนในปี ค.ศ. 1890 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัด ถนนมายังหมู่บ้านแห่งนี้ นับตั้งแต่นั้นแบบสไตล์ญี่ปุ่นแบบใหม่ก็เริ่มเกิดขึ้น ปัจจุบันมีบ้านแบบกัสโชดั้งเดิมนั้นอยู่ในเขตชิราคาว่า-โกทั้งสิ้นจำนวน 113 หลัง และบ้านสไตล์ญี่ปุ่นอีก 329 หลัง
โลเคชั่น ของ หมู่บ้านชิราคาว่า
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่บนภูเขาในเขตจังหวัดกิฟุและโทยาม่า (Gifu and Toyama Prefectures) ทางตอนกลางของเกาะฮอนชู (จังหวัดกิฟุ (Gifu) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในใจกลางของประเทศญี่ปุ่น) หมู่บ้านชิราคาว่า ประกอบไปด้วยบ้านเรือนที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200-300 ปี กระจายไปในแนวเหนือ-ใต้ ตามที่ราบแคบๆ ที่ขนานไปกับแม่น้ำโชกาวะ (Shokawa River) ประกอบกันถึง 16 หมู่บ้าน แต่จุดที่ถือเป็นไฮไลท์ที่สุดก็คือ หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi) ซึ่งเป็นหมู่บ้านหลักและมีขนาดใหญ่ที่สุด “หมู่บ้านชิราคาวาโกะ” (Shirakawa-go) หมู่บ้านประวัติศาสตร์ ได้ตั้งอยู่ในเขตภูเขาโดดเดี่ยวจากโลกภายนอกมาช้านาน ผู้คนยังชีพด้วยการทำการเกษตร ทำนา ปลูกหม่อนและเลี้ยงไหม และเสริมด้วยการทำการท่องเที่ยวในแบบพอเพียง ความโดดเด่นอีกอย่างของหมู่บ้าน คือกลุ่มอาคารบ้านเรือนที่สร้างแบบโบราณซึ่งมีอายุมากกว่า 250 ปี หลังคาเป็นรูปพนมมือ หรือ ที่เรียกว่า “กัสโชสึคุริ” (Gassho-zukuri) | Link แผนที่ จาก Google Map
หมู่บ้านชิราคาว่า เป็นมรดกโลก
องค์การยูเนสโกได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปี1995 โดยหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบกัสโช (Gassho) ซึ่งมีความหมายว่า พนมมือ ตามรูปแบบของบ้านที่หลังคาชันถึง 60 องศา มีลักษณะคล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน ซึ่งบ้านจะถูกสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียวอีก ทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างต่างๆ ยังได้องค์ความรู้และวิธีการมาจาก ช่างไม้ฝีมือดีของหมู่บ้าน ข้อมูลเพิ่มเติม : https://whc.unesco.org/en/list/734/
การเดินทางมาที่ หมู่บ้านชิราคาว่า
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีภูเขาสูงล้อมรอบตอนกลางของเกาะฮอนชู ไม่ไกลจากโตเกียวนัก เป็นหมู่บ้านชาวนาที่มีบ้านเรือนรูปร่างแปลกตา อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี เข้าถึงได้ด้วยทางรถยนต์ หากเริ่มจากโตเกียวจะต้องไป ทาคายามา (Takayama) ก่อน แล้วถึงต่อรถบัสไปชิราคาวาโกะ การไปทาคายามาไปได้ทั้งรถไฟและรถบัส
เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับ เมืองทาคายามา
เมืองทาคายามา เป็นเมืองเก่าที่มีชีวิตชีวา ได้รับการพัฒนาและอนุรักษ์ไว้อย่างดี เดินเล่นย่านเมืองเก่าบนถนนสายแคบๆ เรียงรายด้วยบ้านยุคเก่าของญี่ปุ่นที่ปรับปรุงเป็นร้านขายสินค้าพื้นเมืองหลากหลาย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลอดจนที่พัก แวะดื่มกาแฟในบ้านเก่าย้อนยุคกับขนมโมจิ มองเห็นสวนญี่ปุ่นเล็กๆบ้านพักที่นี่ใช้เวลาจองล่วงหน้ากว่า 3 เดือน เพราะในหมู่บ้านมีบ้านที่เปิดเป็นที่พักเพียง 10 กว่าหลังและมีเงื่อนไขว่าให้พักเพียงคืนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ต้องแบ่งให้คนอื่นพักบ้าง นับเป็นกุศโลบายที่แยบยลมากในการเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จัก และสร้างคุณค่าให้แหล่งท่องเที่ยวด้วย
Contents Hilight
หากเดินทางด้วยรถบัส ให้ไปที่สถานีรถบัส Nohi Bus อยู่ติดกับสถานีรถไฟชินจูกุ (ออกทาง West Exit) ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงครึ่งด้วยรถบัสจำกัดความเร็ว นั่งเล่นชมวิวสองข้างทาง เพลินๆ สบายๆ ปลอดภัยดี มีจุดจอดพักรถระหว่างทางเพื่อให้ผู้โดยสารลงไปยืดแข้งยืดขา พักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนออกรถเพื่อเดินทางต่อ พนักงานขับรถก็จะยืนโค้งที่หน้ารถและเดินนับผู้โดยสารไปถึงท้ายรถ แล้วเดินกลับมาโค้งที่หน้ารถ ก่อนขับรถต่อไป เป็นความมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบในงาน
ภายในบ้านเรือน ของคนในหมู่บ้านชิราคาว่า
ภายในบ้านซึ่งมีทางเดินแคบๆ อยู่กลางบ้านฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ ห้องครัว ห้องอาหารรวม ถัดไปเป็นห้องนอน 1 ห้อง ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องสุขาแยกชาย-หญิง และห้องนอน 2 ห้อง
ห้องพักเป็นแบบญี่ปุ่น เรียบง่าย ปูเสื่อทาทามิ มีฟูก ผ้าห่ม ที่เก๋คือ ผนังฝั่งตรงข้ามประตูเข้า เป็นบานประตูเลื่อนมีระเบียงออกไปนั่งเล่น มองดูผู้คนที่เดินกันขวักไขว่
เที่ยวหมู่บ้านชิราคาว่า ถ้ามีโอากาศควรพักที่นี่ ซัก 1คืน
การเที่ยวที่ดีที่สุดในการสัมผัสบรรยากาศ คือการพักค้างคืนในหมู่บ้านชาวนา ที่นี่มีบ้านหลายๆหลังเปิดให้เป็นที่พักในแบบที่เรียกว่า Minshuku โดยเฉพาะที่ Ogimachi เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชิราคาวาโกะ บ้านวาดะ (Wada) และ บ้านนางาเสะ (Nagase) ในโอกิมาชิ (Ogimashi) เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อที่จะได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ว่าชาวบ้านดำรงชีวิตอย่างไรในอดีตที่ผ่านมา
ชิราคาวาโกะ ประกอบด้วย หลายๆหมู่บ้าน และในรอบปี ก็จะมีประเพณี หรือ เทศกาลของแต่ละหมู่บ้าน
โดยเฉพาะในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมทุกปี จะมีประเพณีลุยน้ำ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ที่หมู่บ้านโกคายาม่า (Gokayama) หมู่บ้านอาอิโนะคุระ (Ainokura) ที่ซึ่งหมู่บ้านตั้งตระหง่านท้าทายขุนเขาอยู่ตลอดเวลา และ หมู่บ้านสุกะนุมะ (Suganuma) กับบ้าน 9 หลังที่รวมอยู่ในบ้าน 2 หลัง เป็นสิ่งล้ำค่าที่จะได้มาสัมผัสกับบ้านที่เป็นวัฒนธรรมอันเก่าแก่ และมีค่าของญี่ปุ่นนี้
และไฮไลท์ที่พลาดไม้ได้คือขึ้นเนินไปที่จุดชมวิวของ โอกิมาชิ (Ogimashi) ได้รับความนิยมมากสำหรับการชมทัศนียภาพของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ จะสามารถมองเห็นหมู่บ้าน 59 หลังคาเรือน จุดชมวิวนี้เหมาะมากกับการชมภาพมุมกว้างของหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นความเขียวชอุ่มของฤดูใบไม้ผลิ สีน้ำตาลแดงของฤดูใบไม้ร่วง หรือว่าในยามที่มีหิมะตกปกคลุม
หมู่บ้านชิราคาว่า ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ
บ้านส่วนใหญ่หันหน้าไปทางเดียวกันตามทิศทางลม สลับกับแปลงนาผืนย่อมๆ มีธารน้ำเล็กๆ ไหลผ่านหมู่บ้าน แปลงดอกไม้ สวนญี่ปุ่นมีให้เห็นตลอดทาง บ้านหลายหลังปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ บางบ้านก็ปรับปรุงเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แต่ให้ความรู้สึกกลมกลืนไม่แปลกแยก
ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟซึ่งมีอยู่ไม่กี่ร้านในหมู่บ้าน เมื่อเปิดประตูร้านเข้าไป พูดได้คำเดียวว่า เป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่สวยที่สุด พื้นที่ชั้นล่างของบ้านปรับเป็นร้านกาแฟ ปูเสื่อทาทามิ นั่งกับพื้น ผนังบ้านเป็นกระจกบานกว้างเปิดรับภาพแปลงนาสีเขียวขจีสลับกับบ้านกัสโชเป็นระยะๆ นั่งจิบกาแฟคลอเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ
หมู่บ้านชิราคาว่า กับการท่องเที่ยว
“ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความแข็งแรงทางวัฒนธรรม และเก่งเรื่องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว รู้ว่าอะไรที่ต้องพัฒนาก็ทำ อะไรที่ควรอนุรักษ์ก็อนุรักษ์ แหล่งท่องเที่ยวก็ต้องมีทั้งการพัฒนาและการอนุรักษ์ควบคู่กันไปอย่างใส่ใจและมีทิศทาง ผลก็คือเราที่อยู่คนละมุมโลกได้มากินอาหารฝีมือคุณป้าร่วมกัน ในเมืองมรดกโลก นี่แหละคุณค่าของการท่องเที่ยวที่ทำให้คนต่างวัฒนธรรมมาเรียนรู้และอยู่ในอีกวัฒนธรรม”
หมู่บ้านชิราคาว่า เที่ยวได้ทั้ง 4 ฤดู
ฤดูกาลในญี่ปุ่นมี 4 ฤดู คือเริ่มจาก ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งแต่ละฤดูก็มีความสวยงาม ความน่ารักอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ไม่ว่าท่านจะได้ไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงใดก็ตาม ญี่ปุ่นจะสร้างความประทับใจให้ท่านเสมอ แต่ที่หมู่บ้านชิราคาว่า แนะนำให้เที่ยว ใน 3 ฤดูก็พอ (สำหรับฤดูร้อน อาจไม่เหมาะสำหรับคนไทย)
ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.)
เริ่มต้นในเดือนมีนาคมเรื่อยไปจนถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาแห่งความสดชื่นเบิกบาน ดอกไม้เริ่มผลิแย้ม ใบไม้สีเขียวขจีแตกยอดชูไสว ลมเอื่อยๆเริ่มพัดพาเอากลิ่นไอแห่งธรรมชาติ เป็นฤดูที่น่าเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนอันเป็นเดือนที่ดอกซากุระบานสะพรั่งทุกแห่งหน จะถูกปกคลุมไป ด้วยสีชมพู และขาว ชาวญี่ปุ่นจะพากันเอาเสื่อมาปูใต้ต้นซากุระ และจิบสาเกพลางชื่นชมความงามของซากุระ เป็นภาพที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำและประทับใจ
โดยเฉพาะสวนซากุระที่ บริเวณหน้าวัด วัดเมียวโอะเซนจิ (Myozenji) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสวนซากุระที่สวยที่สุดในโลก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ซากุระนี้จะบานอยู่เพียง 1-2 สัปดาห็เท่านั้น อุณหภูมิ ประมาณ 12-16 c (จากในรูป Admin เดินทางไปถ่ายเก็บไว้ ในช่วงพีเรียด วันที่ 20-21 เมษายน)
ฤดูใบไม้ร่วง ( ก.ย.- พ.ย. )
ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นจะเริ่มในราวเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่มีอากาศดี เพราะหลังจากฤดูร้อนผ่านพ้นไป ลมเย็นเอื่อย ๆ ก็พัดมาแทนที่ เหล่าพฤกษานานาพันธุ์ เริ่มผลัดสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม เหลือง แล้วก็พากันร่วงหล่นลงดิน เหลือแต่กิ่งก้านโบกไหวไปตามลมรอวันที่ลมหนาวพัดมาเยือนอย่างท้าทาย ในฤดูนี้นับว่าเป็นฤดูที่มีสีสันมากที่สุดตามภูเขาในป่า สวนสาธารณะจะเต็มไปด้วยสีแดง ส้ม เหลือง และบรรดาพฤกษาผลัดสีทั้งหลายนี้ มีมากมาย หลายพันธุ์ที่พอสลัดใบร่วงหล่นหมดก็จะแตกช่อออกดอก นับเป็นช่วงฤดูกาลที่สวยสดงดงามยิ่งนัก และโดยเฉพาะ สำหรับชาวญี่ปุ่นมันเป็นช่วงเวลาแห่งการกีฬา ดนตรี และพักผ่อน อุณหภูมิประมาณ 8-18 c
ฤดูหนาว. ( ธ.ค.- ก.พ.)
ฤดูหนาวของญี่ปุ่นเริ่มต้นในราวเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงฤดูกาลที่หนาวเย็น ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยหิมะปกคลุมขาวโพลนอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะในทางภาคเหนือ น้ำในแม่น้ำลำคลอง และทะเลสาป บางแห่งจะกลายเป็นน้ำแข็ง บรรดาเด็กและ ผู้ใหญ่ต่างพากันออกมาเล่นสเก็ตน้ำแข็งกัน ส่วนบนภูเขาก็จะมีการ เล่นสกีกันอย่างสนุกสนาน ในเมืองซัปโปโร ที่เกาะฮอกไกโด จะมีงาน “เทศกาลหิมะ” เฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ เป็นงาน เทศกาลใหญ่ระดับโลกก็ว่าได้ มีการประกวดการปั้นหิมะ เป็นรูปสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างในประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้เป็น ช่วงฤดูหนาวแห่งความสุขของครอบครัวอย่างแท้จริง ทุกคนในครอบครัว จะได้มานั่งผิงไฟ รวมกันพูดคุยหยอกล้อเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มีค่ามาก เด็ก ๆ ทุกคนต่างพากันรอนับวันสำคัญที่พวกเขาถือว่า เป็นวันที่ดีที่สุดในรอบปี นั่นคือ วันคริสต์มาสและวันปีใหม่ ทุกแห่งหนจะมีการประดับประดาด้วยไฟหลากสีสวยงาม น่าประทับใจยิ่งนัก อุณหภูมิประมาณ 1-8 c ภายในในหมู่บ้านชิราคาว่า ก็เช่นกัน มีเทศกาลที่คุณไม่ควรพลาดคือ เทศกาล Light up ภายในหมู่บ้านจะเปิดไฟ สว่างสไว ให้ได้ถ่ายภาพ ซึ่งเทศกาลนี้จะเปิดไฟอยู่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นต่อปี
โปรแกรมทัวร์ ที่มีรายการไปเที่ยว ที่ หมู่บ้านชิราคาว่า ที่คุณอาจสนใจ
รีวิวอื่นๆที่น่าสนใจ
Thank you for reading this post. Don't forget to follow! | express opinions or suggestions
Share this:
- Click to share on Facebook (Opens in new window)
- Click to share on X (Opens in new window)
- Click to share on Threads (Opens in new window)
- Click to share on Tumblr (Opens in new window)
- Click to share on Pinterest (Opens in new window)
- Click to print (Opens in new window)
- Click to email a link to a friend (Opens in new window)