Travel

ภูฏาน ประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก

ภูฏาน BHUTAN ประเทศเล็กๆ ที่มีกฎและ ข้อห้ามมากมาย แต่ยังเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่หวือหวา ใจดีมีน้ำใจ ใกล้ชิดธรรมชาติ รักษาขนบธรรมเนียม สวดมนต์ ไม่ได้ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีเท่าไหร่นักเป็น และ ประเทศที่มีการใช้โทรทัศน์สัญญาณดาวเทียมเป็นประเทศสุดท้ายของโลก

ภูฏาน BHUTAN มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรภูฏาน KINGDOM OF BHUTAN เมืองหลวงคือ ทิมพู และในขณะที่ชาวภูฏานเรียกตัวเองว่า ดรุก-ยุล อันมีความหมายว่า ดินแดนมังกรสายฟ้า และเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับความสุขมวลรวมประชากรเป็นอันดับหนึ่ง

ภูฏานเป็นประเทศแถบเอเชียใต้ และเป็น 1 ในรัฐที่ตั้งในเขตเทือกเขาหิมาลัย ได้แก่ ปากีสถาน อินเดีย จีน เนปาล ภูฏาน และ พม่า ไม่มีทางออกทะเล ถูกขนาบข้างด้วย 2 ประเทศมหาอำนาจ นั่นคือ จีน และ อินเดีย

ภูฏานมีพื้นที่ขนาดเท่ากับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และขึ้นชื่อว่าเป็น สวิสเซอร์แลนด์แดนเอเชีย มีอากาศหนาวเย็น ธรรมชาติสวย จึงเป็นที่มาอีกชื่อ สวิสเซอร์แลนด์เอเชีย หรือเท่ากับ 6 จังหวัดของภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ และ ลำปาง มีประชากรประมาน 800,000 คน ประชากรใช้ใช้ภาษาอังกฤษซึ่งครูจากอินเดียเป็นผู้สอนภาษา และเป็นภาษากลาง และมีภาษาของตัวเองคือ ภาษา ซองคา มีประชากรประมาน 800,000 คน

การเดินทางไปเยือนดินแดงมังกรสายฟ้า

การเดินทางไปยังภูฏาน ใช้เวลาเดินทาง ประมาน 4 ชั่วโมง จะมีเที่ยวบินวันเว้นวัน และมี 2 สายการบิน นั่นคือ ภูฏานแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติ และ สายการบิน ดรุ๊กแอร์ เป็นของเอกชน

ท่าอากาศยานพาโร  คือท่าอากาศยานนานาชาติเพียงแห่งเดียวในภูฏาน 1 ใน 4 สนามบินที่มีที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำพาโรชชู ลึกเข้าไปในหุบเขาราว 6 กิโลเมตรจากมณฑลพาโร เนื่องจากรายล้อมไปด้วยยอดเขาที่แต่ละแห่งสูงไม่ต่ำกว่า 5,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล จึง จัดให้อยู่ใน สนามบินที่มีความท้าทายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากข้อมูล ณ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 มีนักบินเพียง 8 คนเท่านั้นที่ได้รับการยินยอมให้บังคับเครื่องบินลงจอดที่สนามบินแห่งนี้ ละด้วยข้อจำกัดด้านภูมิทัศน์ ทำให้สนามบินแห่งนี้เปิดให้เครื่องบินขึ้น-ลงเฉพาะตอนกลางวันที่มีแสงสว่างเท่านั้น

สิ่งที่น่าตื่นเต้นและหวาดเสียวของสนามบินพาโร คือ การนำเครื่องลงจอด นักบินต้องอาศัยทักษะที่ฝึกมาเฉพาะ

ทั้งต้องบินหลบภูเขา หลังคาบ้าน และไม่เพียงแค่นั้น รันเวย์สนามบินพาโรนี้ ยังขึ้นชื่อว่าสั้นที่สุดอีกด้วย

ฤดูกาลน่าเที่ยว

ฤดูใบไม้ผลิ มีนาคม – พฤษภาคม  ฤดูใบไม้ร่วง กันยายน – พฤศจิกายน ซึ่งจะเป็นช่วง High Season

ฤดูร้อน มิถุนายน – สิงหาคม ฤดูหนาว ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วง Low Season

สถานที่ที่ไม่ควรไป … ไม่ได้ในภูฏาน

เมื่อเดินทางมาเที่ยวภูฏานแล้ว นักท่องเที่ยวต้องมีไกดท้องถิ่นดูและ ให้คำแนะนำ ดังนั้นแล้ว นักท่องเที่ยวจึงจะไม่พลาดจุดสำคัญๆ แน่นอนว่า สายมูก็ไม่ควรพลาดสถานที่เหล่านี้

ขอพรเรื่อง คู่ครอง ขอลูก วัดชิมิลาคัง

คนภูฏานเชื่อว่าหากไม่สมหวังเรื่องคู่ครอง จะต้องมาทำบุญที่นี่ วัดแห่งนี้ยังมีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องการมาขอพรให้ตั้งครรภ์มีลูกด้วย ชาวภูฏานเชื่อว่าเมื่อมีลูกเกิดได้ 3 วัน ให้มาขอพรและขอชื่อจากวัดนี้จะเป็นสิริมงคล ชื่อที่จะได้รับส่วนใหญ่ คือ คิลเลย์ หรือ ชิมิ

ขอพรโชคลาภ ปกป้องจากภัยอันตราย : วัดคิชูลาคัง

เป็น 1 ใน 108 วัด ที่พระเจ้าซังเซน กัมโป สร้างขึ้นตามความเชื่อว่าต้องสร้างวัดทั้งหมด 108 แห่งเพื่อตรึงนางยักษ์ที่นอนพาดเทือกเขาหิมาลัยไว้ ซึ่งวัดคิชูเป็นส่วนที่ตรึงเท้าซ้ายของนางยักษ์

วัดคิชูประกอบด้วยโบสถ์ 2 หลัง ประดิษฐานรูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรพันเนตร มีรูปปั้นท่านคุรุรินโปเช

ขอพรเรื่องความเสริมสิริมงคล ความมั่นคง : อนุสรณ์สถานแห่งชาติ

หรือเรียกอีกชื่อว่า อนุสรณ์สถานทิมพู เป็นสถาปัตยกรรมแบบภูฏาน สร้างขึ้นในปี 1974 เพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก กษัตริย์รัชกาลที่ 3 ของภูฏาน

ถือว่าเป็นจุดสังเกตอันโดดเด่นของเมืองทิมพูด้วยยอดทรงกรวยสีทอง ภายในใช้เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิ และมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ มีรูปปั้นของท่านคุรุ รินโปเช (นักบวชที่ชาวภูฏานเคารพนับถือมาก) และรูปปั้นของซับดรุง งาวังนัมเกล (ผู้รวบรวมภูฏานเป็นหนึ่งเดียว)

ขอพรเรื่องสุขภาพ สิริมงคลชีวิต ปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย : วัดทักซัง

เป็น 1 ในวัดที่สวยและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก มีตํานานเล่าว่า ท่านคุรุรินโปเชได้ขี่นางเสือที่เป็นสัตว์ประจำกายของท่าน
แปลงกายมา เหาะมายังที่แห่งนี้และบําเพ็ญสมาธิอยู่ในถ้ำรังเสือนาน 3 เดือน เทศนาสั่งสอนผู้คนและสําแดงกายสะกดภูติผีปีศาจร้าย

เกร็ดความรู้

อาคารบ้านเรือน

ก้อนหิน ไม้ ไม้ไผ่ เป็นวัสดุหลักที่นำมาสร้างวัด และ ซอง

บ้านเรือนใช้หินและอิฐดิน หลังคาใช้แผ่นไม้วางเกยกันและทับด้วยหิน

อาคารบ้านเรือน หรือวัด ต่างๆ จะไม่มีการใช้ตะปู ใช้เทคนิคการประกอบชิ้นไม้เข้าด้วยกัน เรียก เดือ

ธง

ธงภาวนา 5 สี ใช้ขอพร และ อธิษฐาน ทำจากผ้าไหม 5 สี 5 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และ ท้องฟ้า

ธงพื้นขาว มานิ ไม่มีภาพหรือข้อความ ใช้ปักเมื่อมีคนตายในบ้านเท่านั้น

ธงเก่า และขาดเป็นริ้วๆ และข้อความที่จางหาย ถือเป็นสัญญาณที่ดี เชื่อว่า มนต์ คำอวยพร คำอธิษฐานนั้นนั้นได้เดินทางสู่สวรรค์ตามประสงค์ผู้ปัก

เรื่องน่ารู้หากคุณเที่ยวอยู่ภูฏาน

  • ผู้คนที่นี่ทานข้าวเป็นหลัก และ ทานเผ็ด อิมะดาชิ คืออาหารประจำชาติ ที่มีพริกและ เนยจามรี เป็นส่วนประกอบหลัก
  • ภูฏานเมืองพุทธมหายาน ห้ามฆ่าสัตว์ แน่นอนว่า เนื้อสัตว์จะถูกนำเข้าจาก ประเทศมหาอำนาจ นั่นคือ อินเดีย
  • ห้ามสูบบุหรี่ ผู้สูบมีโทษปรับ 5, 000 นู ส่วนคนขาย จะโดนปรับ 10,000ดังนั้นผู้ที่จะไปเที่ยวจะนำเข้าได้แค่ 200 มวน หรือ 1 คอตตอน และต้องสู[ในพื้นที่ส่วนตัว
  • สุนัขเยอะมาก และ แทบทุกแห่งหนจะมีสุนัขไม่มีเจ้าของ
  • อย่าตกใจหากพบเจอ สัญลักษณ์อวัยวะเพศชาย ตามผนัง ของฝาก ร้านอาหาร โรงแรม นั่นคือผู้เผยแพร่ศาสนา ดรุ๊กปา คินเลย์ ที่พวกเขานับถือ
  • สนามบินมีรันเวย์สั้นที่สุด 2 กม.
  • คนภูฏานไม่มีนามสกุล ดังนั้นคนในบ้านอาจมีชื่อที่ 2 ไม่เหมือนกันเลย
  • เมืองหลวงแห่งเดียวที่ไม่มีไฟสัญญานจราจร ใช้สัญญาณมือจากตำรวจจราจร
  • วัดศักดิ์สิทธิ์ เก่าแก่ของประเทศภูฏาน และเป็นวัดชื่อดังของเมืองพาโร วัดทักซัง(Taktsang Monastery) ตั้งอยู่ริมหน้าผาของหุบเขา  การขึ้นไปบนวัดทักซังอาจใช้วิธีการเดินเท้า และ ขี่ม้า ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร รวมๆไปกลับ 5-6 ชั่วโมง
  • หินเผาไฟ เป็นการอาบออนเซ็นที่เชื่อว่าดีต่อสุขภาพ และได้เเร่ธาตุจากหิน
  • พิธีกรรมหลังความตายจะจัดยาวนาน 49 วัน คนมีอันจะกินเท่านั้นจะเท่านั้นที่จะจัด
  • โยนศพไว้บนเขาให้ฝูงแร้งกิน
  • สัตว์ประหลาด มีหัวเป็นวัว ตัวเป็นแพะ มีชื่อว่า ทาคิน เป็นสัตว์ประจำชาติภูฏาน
  • สกุลเงินของภูฏานเรียกว่า นงูตรัม (Ngultrum) มีตัวย่อสกุลเงินคือ NU หน่วยเงินภูฏานผูกติดกับเงินอินเดียรูปีซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศ หากจะเดินทางไปเที่ยว ต้องแลกเงินดอลล่า หากได้เงินทอนกลับมาเป็นรูปี ก็สามารถใช้ได้ในภูฏานเช่นกัน
  • ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของประเทศภูฏาน ชาวภูฏานเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด การเข้าชมสถานที่สำคัญทางศาสนาภายในภูฏานควรแต่งกายให้มิดชิดเพื่อให้เกียรติสถานที่
  • โทรศัพท์เคลื่อนที่มีใช้เมื่อ ปี 2546และ เป็นประเทศสุดท้ายในโลกที่เริ่มใช้โทรทัศน์

Thank you for reading this post. Don't forget to follow! | express opinions or suggestions

TravelProTeam

This website uses cookies.